นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ว่า มีความรู้สึกเป็นห่วง เพราะเป็นยุคที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน โดยมีความจลาจล วุ่นวายทั้งความคิดและการกระทำที่มีการปะทะกัน ตนมองว่าเป็นยุคที่ต้องฟื้นฟูด้วยการนำความสามัคคีและคุณธรรมกลับมาให้มากที่สุด ทั้งนี้ ไม่มีสูตรว่าสุดท้ายจะจบอย่างไร แต่คนที่พยายามแก้ไขก็พยายามทำกันอยู่ เพียงแต่ทำอย่างไรจะให้มาถึงจุดที่จะถอยคนละก้าว หรือเดินเคียงคู่กันไปได้ ตนเชื่อว่าเวลาจะเป็นเครื่องแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ แต่ต้องช่วยกันประคับประคอง อย่าทำให้เกิดการแตกหักก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง
สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เวลาจะเป็นส่วนช่วยแก้ไขปัญหาได้ ขึ้นอยู่กับว่าใครอึดกว่ากันแต่อย่าอึดแข่งกัน ระหว่างนี้ต้องมีวิธีการเข้ามาช่วยจัดการ ตนทราบว่าขณะนี้มีหลายคนพยายามดำเนินการ โดยจะเรียกว่าคนกลางบ้าง หรือมาตรการต่างๆ บ้าง เพียงแต่ยังไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงกองเชียร์ยังไม่สามารถทำให้ยุติลงได้ และผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง เช่น หากนึกถึงรัฐบาลก็จะนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่จะทำให้ไม่สามารถพบกันได้ แต่เวลาจะทำให้สิ่งเหล่านี้ลดน้อยลงจนเกิดการเจรจา แต่กลัวว่าจะเกิดการแตกหักก่อนถึงเวลา
ส่วนหนทางที่จะนำไปสู่การเจรจาจะเป็นแนวทางใดและจำเป็นต้องมีคนกลางหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าใช้สูตรเดียว เพราะต้องใช้ทุกแนวทาง บางแนวทางไม่สามารถบอกในที่สาธารณะได้ แต่ต้องมีการพบปะเจรจา มีคนกลางและการต่อรอง พร้อมกับใช้เวลาจนเงื่อนไขที่ตึงเกินไปค่อยๆ หย่อน รัฐบาลเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมากับวันนี้ก็มีการเปลี่ยนท่าที โดยก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าจะมีปัญหาเรื่องข้าว ตนพูดเสมอว่ารัฐบาลคิดว่ามีจุดแข็งคือมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ และได้เสียงจากนานาชาติเพราะยืนบนหลักประชาธิปไตย แต่จะเป็นจุดแข็งได้นานเท่าใดนั้นก็ไม่ทราบเพราะรัฐบาลก็เผชิญจุดอ่อน 4-5 จุด เช่น ปัญหาการชุมนุมจากกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ปัญหาจากองค์กรอิสระ ปัญหาท่าทีฝ่ายทหาร และปัญหาที่เกิดจากการเป็นรัฐบาลรักษาการที่เหมือนกับการเป็นง่อย ทั้งเรื่องการกู้เงินมาช่วยชาวนา การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือเริ่มโครงการในนโยบายใหม่ก็ไม่สามารถทำได้ แต่ผู้ชุมนุมเองก็มีจุดอ่อนและจุดแข็งเช่นกัน ต่างคนต่างต้องพบปะพูดคุยกันด้วยความอดทนอดกลั้นและยอมถอย ที่ผ่านมาต่างคนต่างไม่ยอมถอย เพราะเชื่อมั่นในพลังของตนเอง แต่ก็จะเห็นว่าแต่ละฝ่ายไม่ได้มีพลังมากขึ้น
นายวิษณุ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาทั้งหมดติดอยู่ที่กรอบรัฐธรรมนูญ ตนอยากให้ยึดประชาธิปไตย แต่อย่ากอดรัฐธรรมนูญจนเกินไป เพราะรัฐธรรมนูญอาจจะแก้ได้ หรือเลิกได้ รวมทั้งตีความผิดจากที่เคยตีความก็ได้ ส่วนจุดใดที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากันได้นั้น ตนขอไม่พูด เพราะพูดมากไม่ได้ ที่มันยุ่งทุกวันนี้เพราะคนที่ไปเจรจาออกมาพูดมาก คนที่พยายามแก้ไขปัญหาก็ออกมาเอาความดีใส่ตัว โดยออกมาบอกว่ากำลังทำอะไร ไปถึงไหนและอย่างไร สังคมไทยมีทิฐิ มีความละอาย และมีความรู้สึกเสียหน้า ดังนั้นอย่าทำให้เกิดความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น ส่วนการเลือกตั้งจะเป็นทางออกหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เวลาจะเป็นส่วนช่วยแก้ไขปัญหาได้ ขึ้นอยู่กับว่าใครอึดกว่ากันแต่อย่าอึดแข่งกัน ระหว่างนี้ต้องมีวิธีการเข้ามาช่วยจัดการ ตนทราบว่าขณะนี้มีหลายคนพยายามดำเนินการ โดยจะเรียกว่าคนกลางบ้าง หรือมาตรการต่างๆ บ้าง เพียงแต่ยังไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงกองเชียร์ยังไม่สามารถทำให้ยุติลงได้ และผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง เช่น หากนึกถึงรัฐบาลก็จะนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่จะทำให้ไม่สามารถพบกันได้ แต่เวลาจะทำให้สิ่งเหล่านี้ลดน้อยลงจนเกิดการเจรจา แต่กลัวว่าจะเกิดการแตกหักก่อนถึงเวลา
ส่วนหนทางที่จะนำไปสู่การเจรจาจะเป็นแนวทางใดและจำเป็นต้องมีคนกลางหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าใช้สูตรเดียว เพราะต้องใช้ทุกแนวทาง บางแนวทางไม่สามารถบอกในที่สาธารณะได้ แต่ต้องมีการพบปะเจรจา มีคนกลางและการต่อรอง พร้อมกับใช้เวลาจนเงื่อนไขที่ตึงเกินไปค่อยๆ หย่อน รัฐบาลเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมากับวันนี้ก็มีการเปลี่ยนท่าที โดยก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าจะมีปัญหาเรื่องข้าว ตนพูดเสมอว่ารัฐบาลคิดว่ามีจุดแข็งคือมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ และได้เสียงจากนานาชาติเพราะยืนบนหลักประชาธิปไตย แต่จะเป็นจุดแข็งได้นานเท่าใดนั้นก็ไม่ทราบเพราะรัฐบาลก็เผชิญจุดอ่อน 4-5 จุด เช่น ปัญหาการชุมนุมจากกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ปัญหาจากองค์กรอิสระ ปัญหาท่าทีฝ่ายทหาร และปัญหาที่เกิดจากการเป็นรัฐบาลรักษาการที่เหมือนกับการเป็นง่อย ทั้งเรื่องการกู้เงินมาช่วยชาวนา การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือเริ่มโครงการในนโยบายใหม่ก็ไม่สามารถทำได้ แต่ผู้ชุมนุมเองก็มีจุดอ่อนและจุดแข็งเช่นกัน ต่างคนต่างต้องพบปะพูดคุยกันด้วยความอดทนอดกลั้นและยอมถอย ที่ผ่านมาต่างคนต่างไม่ยอมถอย เพราะเชื่อมั่นในพลังของตนเอง แต่ก็จะเห็นว่าแต่ละฝ่ายไม่ได้มีพลังมากขึ้น
นายวิษณุ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาทั้งหมดติดอยู่ที่กรอบรัฐธรรมนูญ ตนอยากให้ยึดประชาธิปไตย แต่อย่ากอดรัฐธรรมนูญจนเกินไป เพราะรัฐธรรมนูญอาจจะแก้ได้ หรือเลิกได้ รวมทั้งตีความผิดจากที่เคยตีความก็ได้ ส่วนจุดใดที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากันได้นั้น ตนขอไม่พูด เพราะพูดมากไม่ได้ ที่มันยุ่งทุกวันนี้เพราะคนที่ไปเจรจาออกมาพูดมาก คนที่พยายามแก้ไขปัญหาก็ออกมาเอาความดีใส่ตัว โดยออกมาบอกว่ากำลังทำอะไร ไปถึงไหนและอย่างไร สังคมไทยมีทิฐิ มีความละอาย และมีความรู้สึกเสียหน้า ดังนั้นอย่าทำให้เกิดความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น ส่วนการเลือกตั้งจะเป็นทางออกหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ