นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวถึงกรณีที่หลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) เวทีแจ้งวัฒนะ นำมวลชนไปชุมนุมปิดล้อมศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ว่า ทางสำนักพระพุทธศาสนาไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดนครปฐมให้ดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนแล้ว เพราะมหาเถรสมาคมกำหนดว่า ห้ามพระภิกษุไปร่วมชุมนุม หรือไปในสถานที่ที่มีการชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดทางวินัย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งทางสำนักพระพุทธศาสนาจะประสานไปยังเจ้าคณะปกครอง และแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ให้ประสานสำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม นอกจากนี้ ล่าสุดประชาชนได้แจ้งความดำเนินคดีกับหลวงปู่ฯ แล้ว เพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายบ้านเมือง
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า การดำเนินการใดๆ ของหลวงปู่ฯ ขณะนี้ คณะสงฆ์ได้พิจารณาแล้วว่า เป็นความผิดทางพระธรรมวินัย คือการฝ่าฝืนคำสั่งเถรสมาคมที่ไปร่วมชุมนุม ซึ่งในส่วนของคณะสงฆ์ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนทางวินัย และเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งการกระทำของหลวงปู่ฯ มีความผิดที่ชัดเจนทางกฎมาย ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่า เจ้าคณะตำบลได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับหลวงปู่ฯ และตักเตือนรวมถึงนิมนต์ให้กลับวัด แต่ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข้อกล่าวหาชัดเจน ในฐานะสำนักพระพุทธศาสนา จะให้หลวงปู่ฯ ลาสิกขาหรือไม่นั้น หากจับกุมแล้วเจ้าพนักงานเห็นสมควรไม่ให้ประกันตัว และฝ่ายสงฆ์ไม่มารับตัว ก็ให้ดำเนินการจับสึกได้ทันที ส่วนจะใช้เวลาตรวจสอบนานแค่ไหน อยู่ที่การพิจารณาของพนักงานสอบสวน เพราะขณะนี้มีการแจ้งความหลวงปู่ฯ แล้ว 3 ครั้ง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ว่า การแจ้งข้อกล่าวหามีหลักฐานพยานชัดเจนหรือไม่ และสำนักพระพุทธศาสนาไม่มีอำนาจหน้าที่จับสึก เป็นเพียงทำหน้าที่ประสานส่งข้อมูล และได้ชี้แจงให้เจ้าคณะกรุงเทพฯ แล้ว
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า การดำเนินการใดๆ ของหลวงปู่ฯ ขณะนี้ คณะสงฆ์ได้พิจารณาแล้วว่า เป็นความผิดทางพระธรรมวินัย คือการฝ่าฝืนคำสั่งเถรสมาคมที่ไปร่วมชุมนุม ซึ่งในส่วนของคณะสงฆ์ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนทางวินัย และเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งการกระทำของหลวงปู่ฯ มีความผิดที่ชัดเจนทางกฎมาย ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่า เจ้าคณะตำบลได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับหลวงปู่ฯ และตักเตือนรวมถึงนิมนต์ให้กลับวัด แต่ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข้อกล่าวหาชัดเจน ในฐานะสำนักพระพุทธศาสนา จะให้หลวงปู่ฯ ลาสิกขาหรือไม่นั้น หากจับกุมแล้วเจ้าพนักงานเห็นสมควรไม่ให้ประกันตัว และฝ่ายสงฆ์ไม่มารับตัว ก็ให้ดำเนินการจับสึกได้ทันที ส่วนจะใช้เวลาตรวจสอบนานแค่ไหน อยู่ที่การพิจารณาของพนักงานสอบสวน เพราะขณะนี้มีการแจ้งความหลวงปู่ฯ แล้ว 3 ครั้ง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ว่า การแจ้งข้อกล่าวหามีหลักฐานพยานชัดเจนหรือไม่ และสำนักพระพุทธศาสนาไม่มีอำนาจหน้าที่จับสึก เป็นเพียงทำหน้าที่ประสานส่งข้อมูล และได้ชี้แจงให้เจ้าคณะกรุงเทพฯ แล้ว