นายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) แถลงถึงกรณีที่ศาลแพ่งจะมีคำวินิจฉัยในกรณีที่ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 30 มกราคมนี้ ว่า ตนจะเดินทางไปรับฟังคำวินิจฉัยด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การกระทำของผู้ชุมนุมไม่ได้เป็นการกระทำที่ร้ายแรง ซึ่งเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีการรับรองแล้วว่าสามารถชุมนุมได้ การที่รัฐบาลอ้างว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะสถานการณ์ร้ายแรงนั้น ตนเห็นว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากรัฐบาลมากกว่า ไม่ใช่ผู้ชุมนุม แต่ทั้งนี้จะไม่ก้าวล่วงอำนาจศาลในการวินิจฉัย ผลจะออกมาเป็นอย่างไร พวกเราก็จะยอมรับ
นายถาวร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมี ส.ว.ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ดังนั้น ในวันที่ 30 มกราคม เวลา 10.00 น. ตนได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นเรื่องคำร้องเรียนต่อประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันการทุจริต และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ วุฒิสภา ดำเนินการตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) รวมทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อมาตอบข้อซักถามการใช้อำนาจรัฐกับประชาชน และกดดันให้จับกุมคนร้ายให้ได้ เนื่องจากจนถึงขณะนี้เหตุความรุนแรงเกิดขึ้นจำนวน 23 ครั้ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการประชุมแกนนำ กปปส.ในวันนี้ ได้ข้อสรุปว่า ในวันที่ 30 มกราคม เวลา 10.00 น.แกนนำ กปปส.ทั้ง 7 เวที จะนำมวลชนไปร่วมกันเดินปลุกประชาชนออกมาคัดค้านการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ โดยจะเริ่มต้นจากซอยอ่อนนุช ไปสิ้นสุดที่ถนนอโศก ในส่วนของผู้ชุมนุมที่เวทีอนุสาวรียชัยสมรภูมิ แกนนำจะนำมวลชน 500 คน ออกเดินทางไปสบทบขบวนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ในเวลา 08.00 น. โดยจะเดินทางไปด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติว่า ในวันเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ พี่น้องที่มีอุดมการณ์ร่วมกันจะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อคัดค้านการเลือกตั้ง รวมถึงแกนนำที่เป็นอดีตส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเช่นกัน โดยไม่กลัวการเสียสิทธิหรือถูกตัดสิทธิแต่อย่างใด เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นโมฆะเหมือนปี 2548 เนื่องจากกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า การเลือกตั้งทั่วไปต้องเกิดขึ้นเพียงวันเดียวทั่วประเทศ นอกจากนี้ขอให้พิสูจน์ร่วมกันว่าประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกับที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งใครจะมากกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม นายถาวร กล่าวว่า รัฐบาลมีกฎหมายพิเศษในการดูแลประชาชน หากในการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แสดงว่านายกรัฐมนตรีรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นกับประชาชน ซึ่งถือว่าขาดความชอบธรรมและควรลาออกจากตำแหน่งรักษาการเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า การกระทำของผู้ชุมนุมไม่ได้เป็นการกระทำที่ร้ายแรง ซึ่งเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีการรับรองแล้วว่าสามารถชุมนุมได้ การที่รัฐบาลอ้างว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะสถานการณ์ร้ายแรงนั้น ตนเห็นว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกิดจากรัฐบาลมากกว่า ไม่ใช่ผู้ชุมนุม แต่ทั้งนี้จะไม่ก้าวล่วงอำนาจศาลในการวินิจฉัย ผลจะออกมาเป็นอย่างไร พวกเราก็จะยอมรับ
นายถาวร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมี ส.ว.ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ดังนั้น ในวันที่ 30 มกราคม เวลา 10.00 น. ตนได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นเรื่องคำร้องเรียนต่อประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันการทุจริต และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ วุฒิสภา ดำเนินการตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) รวมทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อมาตอบข้อซักถามการใช้อำนาจรัฐกับประชาชน และกดดันให้จับกุมคนร้ายให้ได้ เนื่องจากจนถึงขณะนี้เหตุความรุนแรงเกิดขึ้นจำนวน 23 ครั้ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการประชุมแกนนำ กปปส.ในวันนี้ ได้ข้อสรุปว่า ในวันที่ 30 มกราคม เวลา 10.00 น.แกนนำ กปปส.ทั้ง 7 เวที จะนำมวลชนไปร่วมกันเดินปลุกประชาชนออกมาคัดค้านการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ โดยจะเริ่มต้นจากซอยอ่อนนุช ไปสิ้นสุดที่ถนนอโศก ในส่วนของผู้ชุมนุมที่เวทีอนุสาวรียชัยสมรภูมิ แกนนำจะนำมวลชน 500 คน ออกเดินทางไปสบทบขบวนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ในเวลา 08.00 น. โดยจะเดินทางไปด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติว่า ในวันเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ พี่น้องที่มีอุดมการณ์ร่วมกันจะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อคัดค้านการเลือกตั้ง รวมถึงแกนนำที่เป็นอดีตส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งเช่นกัน โดยไม่กลัวการเสียสิทธิหรือถูกตัดสิทธิแต่อย่างใด เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นโมฆะเหมือนปี 2548 เนื่องจากกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า การเลือกตั้งทั่วไปต้องเกิดขึ้นเพียงวันเดียวทั่วประเทศ นอกจากนี้ขอให้พิสูจน์ร่วมกันว่าประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกับที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งใครจะมากกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม นายถาวร กล่าวว่า รัฐบาลมีกฎหมายพิเศษในการดูแลประชาชน หากในการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แสดงว่านายกรัฐมนตรีรู้เห็นเป็นใจปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นกับประชาชน ซึ่งถือว่าขาดความชอบธรรมและควรลาออกจากตำแหน่งรักษาการเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
