เศรษฐกิจของจีนในปี 2013 ที่ผ่านมา ขยายตัวในอัตรา 7.7% สืบเนื่องจากการชะลอตัวของการลงทุนและผลผลิตอุตสาหกรรมในช่วง 3 เดือนสุดท้าย นักวิเคราะห์ชี้ว่านี่เป็นสัญญาณบ่งบอก เศรษฐกิจแดนมังกรปีนี้จะเติบโตไม่หวือหวา เนื่องจากรัฐบาลมุ่งมั่นเดินหน้าแผนปฏิรูปสำคัญเพื่อผลักดันการบริโภคภายในควบคู่กับการลดการพึ่งพิงการส่งออก
ข้อมูลด้านเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่ทางการจีนเปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์ (20) แสดงให้เห็นว่า ผลผลิตจากโรงงานและการลงทุนในประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ชะลอลงในเดือนธันวาคม ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2013 เติบโตต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่อัตรา 7.7%
เมื่อคำนวณตลอดทั้งปีที่ผ่านมา จีดีพีของแดนมังกรเติบโตในระดับ 7.7% เท่ากับปี 2012 และรอดพ้นจากสถิติต่ำสุดในรอบ 14 ปีที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 7.6% มาหวุดหวิด
ติง ลู่ นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา-เมอร์ริล ลินช์ในฮ่องกง ตีความว่า คงยากมากที่จีนจะมีอัตราเติบโตถึง 8% ในปีนี้ เนื่องจากคาดว่า ทางการปักกิ่งจะยังคงรักษานโยบายการเงินแบบเป็นกลาง ส่วนนโยบายการคลังเชิงรุกก็เพิ่มขึ้นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่า การเติบโตของปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีกหลายด้าน เป็นต้นว่า ผู้กำหนดนโยบายในการผลักดันการปฏิรูปจะทำงานประสบความสำเร็จแค่ไหน และการต่อสู้ที่ดำเนินมายาวนานของปักกิ่งเพื่อควบคุมการกู้ยืมที่มีความเสี่ยงสูง, ราคาที่พักอาศัยพุ่งทะยาน, และหนี้เสียมากมายมหาศาลของรัฐบาลท้องถิ่น, จะได้ผลเพียงใด
อสังหาริมทรัพย์ในจีนนั้นเป็นทั้งหอกข้างแคร่ของผู้วางนโยบายแต่ก็เป็นหนึ่งในดาวเด่นในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องหาทางสายกลางในการควบคุมราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งขึ้น ซึ่งคุกคามความสามารถในการซื้อของผู้มีรายได้ปานกลาง ประสานไปกับการควบคุมการเติบโตทางเศรษฐกิจในส่วนอื่นๆ
ข้อมูลด้านเศรษฐกิจชุดใหญ่ที่ทางการจีนเปิดเผยออกมาเมื่อวันจันทร์ (20) แสดงให้เห็นว่า ผลผลิตจากโรงงานและการลงทุนในประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ชะลอลงในเดือนธันวาคม ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2013 เติบโตต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่อัตรา 7.7%
เมื่อคำนวณตลอดทั้งปีที่ผ่านมา จีดีพีของแดนมังกรเติบโตในระดับ 7.7% เท่ากับปี 2012 และรอดพ้นจากสถิติต่ำสุดในรอบ 14 ปีที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 7.6% มาหวุดหวิด
ติง ลู่ นักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา-เมอร์ริล ลินช์ในฮ่องกง ตีความว่า คงยากมากที่จีนจะมีอัตราเติบโตถึง 8% ในปีนี้ เนื่องจากคาดว่า ทางการปักกิ่งจะยังคงรักษานโยบายการเงินแบบเป็นกลาง ส่วนนโยบายการคลังเชิงรุกก็เพิ่มขึ้นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
นักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่า การเติบโตของปีนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีกหลายด้าน เป็นต้นว่า ผู้กำหนดนโยบายในการผลักดันการปฏิรูปจะทำงานประสบความสำเร็จแค่ไหน และการต่อสู้ที่ดำเนินมายาวนานของปักกิ่งเพื่อควบคุมการกู้ยืมที่มีความเสี่ยงสูง, ราคาที่พักอาศัยพุ่งทะยาน, และหนี้เสียมากมายมหาศาลของรัฐบาลท้องถิ่น, จะได้ผลเพียงใด
อสังหาริมทรัพย์ในจีนนั้นเป็นทั้งหอกข้างแคร่ของผู้วางนโยบายแต่ก็เป็นหนึ่งในดาวเด่นในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องหาทางสายกลางในการควบคุมราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งขึ้น ซึ่งคุกคามความสามารถในการซื้อของผู้มีรายได้ปานกลาง ประสานไปกับการควบคุมการเติบโตทางเศรษฐกิจในส่วนอื่นๆ