ญี่ปุ่นเตรียมจัดตั้งกองทหารสะเทินน้ำสะเทินบก และส่งโดรนตรวจการณ์ไปประจำการทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ใกล้หมู่เกาะที่แย่งชิงสิทธิ์กันอยู่กับปักกิ่ง รวมทั้งเพิ่มสมรรถนะในการรับมือขีปนาวุธ ทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนถึงความกังวลต่อการขยายอิทธิพลของจีนและพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ของเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ แดนอาทิตย์อุทัยยังจะดำเนิน “การปลูกฝังความรักชาติ” และขยาย “การศึกษาด้านความมั่นคง” ในระดับอุดมศึกษา ทั้งนี้เป็นเนื้อหาของร่างแผนการกลาโหมล่าสุด 2 ฉบับ ซึ่งมีการเปิดเผยกันในวงแคบเมื่อวันพุธ (11 ธ.ค.) ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติในสัปดาห์หน้า
ตั้งแต่ที่กลับเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นวาระที่สองเมื่อปลายปีที่แล้ว ชินโซ อาเบะ ได้สั่งการให้มีการทบทวนนโยบายการป้องกันประเทศ เพื่อเสริมสร้างกองทัพและส่งเสริมบทบาทด้านความมั่นคงในระดับโลกของญี่ปุ่น
เอกสารทางด้านยุทธศาสตร์การทหารล่าสุดทั้ง 2 ฉบับ อันได้แก่ แนวทางปฏิบัติด้านการกลาโหมฉบับใหม่ และแผนการสร้างเสริมกองทัพฉบับใหม่ มีกำหนดจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติของรัฐบาลญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า หรือไม่กี่สัปดาห์ภายหลังจากที่จีนประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งครอบคลุมหมู่เกาะเล็กๆ ที่พิพาทแย่งชิงกันอยู่ โดยญี่ปุ่นเรียกชื่อว่าเซงกากุ แต่จีนเรียกว่า เตี้ยวอี๋ว์
แนวทางปฏิบัติด้านกลาโหมนั้นระบุว่า การที่อิทธิพลโดยเปรียบเทียบของอเมริกาได้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปต่างๆ ทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องเพิ่มขยายการผูกพันธมิตรกับประเทศอื่นๆ รวมทั้งบอกว่าแดนอาทิตย์อุทัยจะรับมือการขยายตัวและการขยายกิจกรรมทางทะเลและอากาศอย่างรวดเร็วของจีนอย่างสงบและกล้าหาญ
ทั้งนี้ญี่ปุ่นมีแผนการจัดตั้งกองทหารสะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งจะสามารถยึดหมู่เกาะห่างไกลกลับคืนมาภายหลังถูกรุกล้ำ นอกจากนี้ยังจะมีการเพิ่มฝูงเครื่องบินขับไล่ในฐานทัพนาฮา บนเกาะโอกินาวา ที่อยู่ทางใต้ของประเทศ จาก 1 เป็น 2 ฝูงบิน ซึ่งปกติแล้ว 1 ฝูงบินประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ 20 ลำ
โตเกียวยังมีแผนจัดซื้อเครื่องบินตรวจการณ์ไร้นักบิน (โดรน) และจัดตั้งหน่วยเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า อี-2 ซี ขึ้นที่ฐานทัพนาฮา โดยที่ในปัจจุบันหน่วยบินนี้ประจำการอยู่ที่ฐานทัพมิซาวะทางภาคเหนือของประเทศ แต่มักต้องทำหน้าที่ตรวจตราสถานการณ์บริเวณหมู่เกาะเซงกากุ ซึ่งอยู่ทางภาคใต้
ร่างแนวทางปฏิบัติด้านกลาโหมยังระบุถึงการเพิ่มสมรรถนะในการรับมือการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ แต่ไม่ได้กล่าวถึงการเพิ่มสมรรถนะในการโจมตีข้าศึก ซึ่งอยู่นอกเหนือจุดยืนในการป้องกันตนเองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ตั้งแต่ที่กลับเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นวาระที่สองเมื่อปลายปีที่แล้ว ชินโซ อาเบะ ได้สั่งการให้มีการทบทวนนโยบายการป้องกันประเทศ เพื่อเสริมสร้างกองทัพและส่งเสริมบทบาทด้านความมั่นคงในระดับโลกของญี่ปุ่น
เอกสารทางด้านยุทธศาสตร์การทหารล่าสุดทั้ง 2 ฉบับ อันได้แก่ แนวทางปฏิบัติด้านการกลาโหมฉบับใหม่ และแผนการสร้างเสริมกองทัพฉบับใหม่ มีกำหนดจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติของรัฐบาลญี่ปุ่นในสัปดาห์หน้า หรือไม่กี่สัปดาห์ภายหลังจากที่จีนประกาศเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งครอบคลุมหมู่เกาะเล็กๆ ที่พิพาทแย่งชิงกันอยู่ โดยญี่ปุ่นเรียกชื่อว่าเซงกากุ แต่จีนเรียกว่า เตี้ยวอี๋ว์
แนวทางปฏิบัติด้านกลาโหมนั้นระบุว่า การที่อิทธิพลโดยเปรียบเทียบของอเมริกาได้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปต่างๆ ทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องเพิ่มขยายการผูกพันธมิตรกับประเทศอื่นๆ รวมทั้งบอกว่าแดนอาทิตย์อุทัยจะรับมือการขยายตัวและการขยายกิจกรรมทางทะเลและอากาศอย่างรวดเร็วของจีนอย่างสงบและกล้าหาญ
ทั้งนี้ญี่ปุ่นมีแผนการจัดตั้งกองทหารสะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งจะสามารถยึดหมู่เกาะห่างไกลกลับคืนมาภายหลังถูกรุกล้ำ นอกจากนี้ยังจะมีการเพิ่มฝูงเครื่องบินขับไล่ในฐานทัพนาฮา บนเกาะโอกินาวา ที่อยู่ทางใต้ของประเทศ จาก 1 เป็น 2 ฝูงบิน ซึ่งปกติแล้ว 1 ฝูงบินประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ 20 ลำ
โตเกียวยังมีแผนจัดซื้อเครื่องบินตรวจการณ์ไร้นักบิน (โดรน) และจัดตั้งหน่วยเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า อี-2 ซี ขึ้นที่ฐานทัพนาฮา โดยที่ในปัจจุบันหน่วยบินนี้ประจำการอยู่ที่ฐานทัพมิซาวะทางภาคเหนือของประเทศ แต่มักต้องทำหน้าที่ตรวจตราสถานการณ์บริเวณหมู่เกาะเซงกากุ ซึ่งอยู่ทางภาคใต้
ร่างแนวทางปฏิบัติด้านกลาโหมยังระบุถึงการเพิ่มสมรรถนะในการรับมือการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ แต่ไม่ได้กล่าวถึงการเพิ่มสมรรถนะในการโจมตีข้าศึก ซึ่งอยู่นอกเหนือจุดยืนในการป้องกันตนเองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับหลังสงครามโลกครั้งที่ 2