ร.ท.(หญิง) สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเข้าพบ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อติดตามสถานการณ์การดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และสอบถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าจับกุม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังศาลอนุมัติหมายจับข้อหายุยงปลุกปั่นให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย
ซึ่ง ร.ท.(หญิง) สุณิสา กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลห่วงใยเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น เพราะหากมีการเข้าจับกุม หรือสลายการชุมนุมขณะนี้ อาจส่งผลกระทบกับประชาชนที่มาร่วมชุมนุม เพราะสถานการณ์ขณะนี้มีความอ่อนไหว เปราะบาง และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ปรารถนา แต่ยืนยันว่าการกระทำของนายสุเทพนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และตัวนายสุเทพต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งนี้ รัฐบาลแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้นายสุเทพเข้าร่วมการเจรจา แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับนายสุเทพ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในการหารือหาทางออกให้ประเทศ โดยรัฐบาลยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถหาทางออกจากความขัดแย้งดังกล่าวได้ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ หรือสองมาตรฐานแต่อย่างใด พร้อมกล่าวขอบคุณข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำยุยงของแกนนำสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม ได้มีการประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะหายไปกว่า 3.5 แสนคนในปีหน้า และทำให้สูญเสียรายได้จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท
ซึ่ง ร.ท.(หญิง) สุณิสา กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลห่วงใยเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น เพราะหากมีการเข้าจับกุม หรือสลายการชุมนุมขณะนี้ อาจส่งผลกระทบกับประชาชนที่มาร่วมชุมนุม เพราะสถานการณ์ขณะนี้มีความอ่อนไหว เปราะบาง และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่ปรารถนา แต่ยืนยันว่าการกระทำของนายสุเทพนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และตัวนายสุเทพต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งนี้ รัฐบาลแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้นายสุเทพเข้าร่วมการเจรจา แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับนายสุเทพ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในการหารือหาทางออกให้ประเทศ โดยรัฐบาลยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถหาทางออกจากความขัดแย้งดังกล่าวได้ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ หรือสองมาตรฐานแต่อย่างใด พร้อมกล่าวขอบคุณข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำยุยงของแกนนำสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม ได้มีการประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะหายไปกว่า 3.5 แสนคนในปีหน้า และทำให้สูญเสียรายได้จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท
