นักศึกษาต่างชาติข้ามน้ำข้ามทะเลมาร่ำเรียนตามสถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐฯมากกว่า 800,000 คนในปีที่แล้ว นับเป็นสถิติสูงสุดโดยที่สาเหตุสำคัญเนื่องจากการหลั่งไหลเข้ามาของคนหนุ่มสาวจากจีน ทั้งนี้ตามข้อมูลของสหรัฐฯซึ่งนำออกเผยแพร่ในวันจันทร์ (11พ.ย.)
ตัวเลขนี้นับว่าเพิ่มขึ้นจากปีการศึกษา 2011 ราว 7% หรือ 55,000 คน ทั้งนี้ จากรายงานประจำปีที่ใช้ชื่อว่า “โอเพน ดอร์ส” ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ อินสติติวท์ ออฟ อินเตอร์เนชันแนล เอดูเคชัน
พวกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องอธิบายว่า การเพิ่มขึ้นเช่นนี้ที่สำคัญทีเดียวเนื่องจากคนหนุ่มสาวจากจีนเดินทางมาเรียนในระดับปริญญาตรีกันมากขึ้นอีก จากเดิมก็เป็นประเทศซึ่งมีนักศึกษาเรียนต่อในอเมริกามากที่สุดอยู่แล้ว นอกจากนั้นแล้ว ยังมีนักศึกษาจากซาอุดีอาระเบียอีกชาติหนึ่งซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
รายงานแจงว่า หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวในปี 2007/08 จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยอเมริกัน ทั้งจำนวนผู้ลงทะเบียนโดยรวมและจำนวนลงทะเบียนใหม่ต่างก็ชะลอลง แต่ขณะนี้ทั้งสองรายการมีการฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับการเติบโตช่วงก่อนหน้านั้น เรื่องนี้เป็นการตอกย้ำผลกระทบจากภาวะถดถอยในอเมริกาครั้งล่าสุดที่ทางการระบุว่า เกิดขึ้นในช่วงปี 2007-2009 และขณะนี้ผลกระทบนั้นยังคงตกค้างอยู่
จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ปีการศึกษา 2012-13 นักศึกษาจีนลงทะเบียนเรียนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 21% เป็นเกือบ 235,000 คน โดยในจำนวนนี้นักศึกษาระดับปริญญาตรีเพิ่มขึ้นถึง 26%
รายงานกล่าวต่อไปว่า นักศึกษาจาก 3 ประเทศที่เดินทางไปเรียนในอเมริกามากที่สุดคือ จีน อินเดีย และเกาหลีใต้นั้น ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 49% ของจำนวนนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดในเมืองลุงแซม โดยที่นักศึกษาจีนกำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น สวนทางกับนักศึกษาจากอินเดียและเกาหลีใต้ที่กำลังมีจำนวนลดลง
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่ส่งนักศึกษาไปเรียนที่อเมริกามากขึ้น ได้แก่ ซาอุดีอาระเบียที่เพิ่มขึ้น 30% เป็น 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผลจากโครงการทุนการศึกษาของประเทศเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้
ตัวเลขนี้นับว่าเพิ่มขึ้นจากปีการศึกษา 2011 ราว 7% หรือ 55,000 คน ทั้งนี้ จากรายงานประจำปีที่ใช้ชื่อว่า “โอเพน ดอร์ส” ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ อินสติติวท์ ออฟ อินเตอร์เนชันแนล เอดูเคชัน
พวกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องอธิบายว่า การเพิ่มขึ้นเช่นนี้ที่สำคัญทีเดียวเนื่องจากคนหนุ่มสาวจากจีนเดินทางมาเรียนในระดับปริญญาตรีกันมากขึ้นอีก จากเดิมก็เป็นประเทศซึ่งมีนักศึกษาเรียนต่อในอเมริกามากที่สุดอยู่แล้ว นอกจากนั้นแล้ว ยังมีนักศึกษาจากซาอุดีอาระเบียอีกชาติหนึ่งซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
รายงานแจงว่า หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัวในปี 2007/08 จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยอเมริกัน ทั้งจำนวนผู้ลงทะเบียนโดยรวมและจำนวนลงทะเบียนใหม่ต่างก็ชะลอลง แต่ขณะนี้ทั้งสองรายการมีการฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับการเติบโตช่วงก่อนหน้านั้น เรื่องนี้เป็นการตอกย้ำผลกระทบจากภาวะถดถอยในอเมริกาครั้งล่าสุดที่ทางการระบุว่า เกิดขึ้นในช่วงปี 2007-2009 และขณะนี้ผลกระทบนั้นยังคงตกค้างอยู่
จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ปีการศึกษา 2012-13 นักศึกษาจีนลงทะเบียนเรียนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 21% เป็นเกือบ 235,000 คน โดยในจำนวนนี้นักศึกษาระดับปริญญาตรีเพิ่มขึ้นถึง 26%
รายงานกล่าวต่อไปว่า นักศึกษาจาก 3 ประเทศที่เดินทางไปเรียนในอเมริกามากที่สุดคือ จีน อินเดีย และเกาหลีใต้นั้น ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 49% ของจำนวนนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดในเมืองลุงแซม โดยที่นักศึกษาจีนกำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้น สวนทางกับนักศึกษาจากอินเดียและเกาหลีใต้ที่กำลังมีจำนวนลดลง
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่ส่งนักศึกษาไปเรียนที่อเมริกามากขึ้น ได้แก่ ซาอุดีอาระเบียที่เพิ่มขึ้น 30% เป็น 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผลจากโครงการทุนการศึกษาของประเทศเศรษฐีน้ำมันแห่งนี้
