เครื่องบินที่พยายามดับไฟป่าซึ่งกำลังลุกลามประสบอุบัติเหตุขณะกำลังปฏิบัติภารกิจในวันพฤหัสบดี(24) ส่งผลให้นักบินเสียชีวิตและกลายเป็นเหยื่อรายที่ 2 ท่ามกลางวิกฤตไฟป่าที่โหมกระพือทั่วนิวเซาท์เวลส์ รัฐซึ่งมีประชากรหนาแน่นที่สุดของออสเตรเลีย ขณะที่หน่วยดับเพลิงออกมาปกป้องกองทัพ หลังผลสืบสวนพบว่าการซ้อมรบคือต้นตอของหายนะครั้งเลวร้ายนี้ ระบุเป็นแค่ "อุบัติเหตุ"
เชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงรัฐนิวเซาท์เวลส์เผยว่าชายวัย 43 ปีเป็นบุคคลเดียวที่อยู่เป็นเครื่องบิน ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกขณะกำลังพยายามทิ้งน้ำลงสู่เปลวไฟที่โหมกระพือป่าแถบภูเขาเวอร์ริติน ห่างจากเมืองอูลลาดัลลา ทางตอนใต้ของซิดนีย์ เพียงเล็กน้อย "เขาเป็นคุณพ่อที่มีลูกตัวเล็กๆ เราทุกคนเข้าใจถึงความทุกข์ทรมานของครอบครัว เพราะว่าพ่อของพวกเขาคงไม่ได้กลับบ้านอีกแล้ว" ฟิตซ์ซิมมอนส์กล่าว พร้อมกับยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแก่นักบินผู้ล่วงลับ
ในวันพฤหัสบดี(24)เช่นกัน หน่วยดับเพลิงได้ออกมาแก้ต่างแทนกระทรวงกลาโหมของออสเตรเลีย หลังการสืบสวนผลว่าการซ้อมรบของกองทัพด้วยการใช้กระสุนและระเบิดจริงคือชนวนของไฟป่าจุดหนึ่งซึ่งสร้างความเสียหายมากที่สุดในตอนนี้ โดยบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้ๆกับเมืองลิธโกว์ ทางตะวันตกของซิดนีย์ ซึ่งเพลิงได้เผาผลาญกินพื้นที่กว่า 288 ตารางกิโลเมตรและทำลายบ้านเรือนหลายหลัง แต่เคราะห์ดีที่ตรงจุดนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บใดๆ
ฟิตซ์ซิมมอนส์ บอกว่าการกระทำของกระทรวงกลาโหมเป็นแค่อุบติเหตุเท่านั้น "มันเป็นผลกระทบข้างเคียงของกิจกรรมที่ดำเนินการเป็นประจำ มันชัดเจนว่าไม่มีใครเจตนาทำให้ไฟลุกแล้ววิ่งหนีไป ไม่มีทฤษฎีสมคบคิดแต่อย่างใด"
เชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงรัฐนิวเซาท์เวลส์เผยว่าชายวัย 43 ปีเป็นบุคคลเดียวที่อยู่เป็นเครื่องบิน ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกขณะกำลังพยายามทิ้งน้ำลงสู่เปลวไฟที่โหมกระพือป่าแถบภูเขาเวอร์ริติน ห่างจากเมืองอูลลาดัลลา ทางตอนใต้ของซิดนีย์ เพียงเล็กน้อย "เขาเป็นคุณพ่อที่มีลูกตัวเล็กๆ เราทุกคนเข้าใจถึงความทุกข์ทรมานของครอบครัว เพราะว่าพ่อของพวกเขาคงไม่ได้กลับบ้านอีกแล้ว" ฟิตซ์ซิมมอนส์กล่าว พร้อมกับยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแก่นักบินผู้ล่วงลับ
ในวันพฤหัสบดี(24)เช่นกัน หน่วยดับเพลิงได้ออกมาแก้ต่างแทนกระทรวงกลาโหมของออสเตรเลีย หลังการสืบสวนผลว่าการซ้อมรบของกองทัพด้วยการใช้กระสุนและระเบิดจริงคือชนวนของไฟป่าจุดหนึ่งซึ่งสร้างความเสียหายมากที่สุดในตอนนี้ โดยบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้ๆกับเมืองลิธโกว์ ทางตะวันตกของซิดนีย์ ซึ่งเพลิงได้เผาผลาญกินพื้นที่กว่า 288 ตารางกิโลเมตรและทำลายบ้านเรือนหลายหลัง แต่เคราะห์ดีที่ตรงจุดนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บใดๆ
ฟิตซ์ซิมมอนส์ บอกว่าการกระทำของกระทรวงกลาโหมเป็นแค่อุบติเหตุเท่านั้น "มันเป็นผลกระทบข้างเคียงของกิจกรรมที่ดำเนินการเป็นประจำ มันชัดเจนว่าไม่มีใครเจตนาทำให้ไฟลุกแล้ววิ่งหนีไป ไม่มีทฤษฎีสมคบคิดแต่อย่างใด"