พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนด้านปราสาทพระวิหารว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการทหารที่ประจำที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่าตื่นตระหนกกับข่าวที่ศาลโลกจะตัดสินคดีพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ พร้อมกำชับไม่ให้มีการปรับ หรือเพิ่มเติมกำลังใดๆ ที่แนวชายแดน เพื่อไม่ให้เกิดความหวาดระแวงกันและกัน ซึ่งเป็นข้อตกลงเดิมที่ไทยและกัมพูชาทำกันไว้
ส่วนกระแสข่าวว่า ทหารกัมพูชาส่งกำลังกลับเข้ามาเพิ่ม ที่ชายแดนด้านเขาพระวิหารนั้น เป็นการหมุนเวียนกำลังทหารตามปกติ และเป็นกำลังทหารที่เคยเข้าไปดูแลสถานการณ์การเมืองภายใน ตั้งแต่มีการเลือกตั้งภายในของกัมพูชาแล้ว ซึ่งไม่ได้ถือเป็นการเพิ่มเติมกำลังทหาร
พล.ท.ชาญชัย กล่าวต่อไปว่า ยังขอให้ประชาชนเชื่อมั่นทหารไทยว่า จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ยึดตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด โดยกองทัพให้ความสำคัญเรื่องการวางแผนดูแลชายแดนในระดับต่างๆ ตามแผนป้องกันประเทศเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า วันที่ 21 ตุลาคมนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ทหาร ตำรวจ พร้อมทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเข้าประชุมหารือ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหารต่อนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการสรุปแนวโน้มของคำตัดสินของศาลโลก และแนวทางการดำเนินการ รวมถึงท่าทีของไทยที่จะแสดงต่อประชาคมโลก กรณีนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่า จะยึดหลักการพูดคุยทำความเข้าใจ และยึดหลักสันติแก้ไขปัญหา จึงขอให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศไม่ต้องกังวลใจ ส่วนผลจะออกมาอย่างไร เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดูแล และขอความร่วมมือทุกส่วนหลีกเลี่ยงการพูดจา หรือการกระทำที่จะก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างไทยกับกัมพูชา
ส่วนกระแสข่าวว่า ทหารกัมพูชาส่งกำลังกลับเข้ามาเพิ่ม ที่ชายแดนด้านเขาพระวิหารนั้น เป็นการหมุนเวียนกำลังทหารตามปกติ และเป็นกำลังทหารที่เคยเข้าไปดูแลสถานการณ์การเมืองภายใน ตั้งแต่มีการเลือกตั้งภายในของกัมพูชาแล้ว ซึ่งไม่ได้ถือเป็นการเพิ่มเติมกำลังทหาร
พล.ท.ชาญชัย กล่าวต่อไปว่า ยังขอให้ประชาชนเชื่อมั่นทหารไทยว่า จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ยึดตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด โดยกองทัพให้ความสำคัญเรื่องการวางแผนดูแลชายแดนในระดับต่างๆ ตามแผนป้องกันประเทศเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า วันที่ 21 ตุลาคมนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ทหาร ตำรวจ พร้อมทั้งหน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเข้าประชุมหารือ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหารต่อนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการสรุปแนวโน้มของคำตัดสินของศาลโลก และแนวทางการดำเนินการ รวมถึงท่าทีของไทยที่จะแสดงต่อประชาคมโลก กรณีนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่า จะยึดหลักการพูดคุยทำความเข้าใจ และยึดหลักสันติแก้ไขปัญหา จึงขอให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศไม่ต้องกังวลใจ ส่วนผลจะออกมาอย่างไร เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดูแล และขอความร่วมมือทุกส่วนหลีกเลี่ยงการพูดจา หรือการกระทำที่จะก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างไทยกับกัมพูชา