ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือผู้อพยพแอฟริกัน เกิดอัปปางนอกชายฝั่งเกาะลัมเปดูซา ทางใต้ของอิตาลีในวันพฤหัสบดี(3) เพิ่มเป็นอย่างน้อย 94 รายในนั้นมีทั้งเด็กกับสตรีมีครรภ์ และสูญหาย 250 คน ขณะที่ทางการยอมรับปฏฺิบัติการกู้ภัยเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ
ศพที่เก็บกู้ขึ้นมาจากทะเลถูกวางเรียงรางบนท่าเทียบเรือ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดในเส้นทางเดินเรือสุดอันตรายที่เหล่าคนอพยพมักใช้มุ่งหน้าจากแอฟริกาสู่ยุโรป "มันน่าขนลุก ยังกับป่าช้าฝังศพ ขณะที่หน่วยกู้ภัยก็กำลังเก็บกู้ศพที่เหลือขึ้นมา" นายกุยซี นิโคลินี นายกเทศมนตรีเมืองลัมเปดูซาบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมบอกว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นสตรีตั้งครรภ์ 1 รายและเด็กรวมอยู่ด้วย
รายงานข่าวระบุว่าเรือประมงลำหนึ่งได้แจ้งเหตุเข้ามาตอนประมาณ 7.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 12.20น.) และเริ่มเข้าช่วยเหลือผู้โดยสารขึ้นจากน้ำ ก่อนที่ต่อมากองเรือของยามชายฝั่งจะเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ชายฝั่งเผยว่าสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตขึ้นมาได้แล้ว 151 ราย หลังจากเรือลำดังกล่าวความยาว 20 เมตร เกิดไฟลุกไหม้และอัปปางห่างจากเกาะลัมเปดูซา ราว 1 กิโลเมตร จนหลายคนต้องกระโดดลงน้ำหนีตาย ส่วนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เสริมว่าผู้โดยสารราว 500 คนของเรือลำนี้ล้วนเป็นชาวเอริเทรีย ซึ่งขึ้นเรือในลิเบีย
ศพที่เก็บกู้ขึ้นมาจากทะเลถูกวางเรียงรางบนท่าเทียบเรือ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดในเส้นทางเดินเรือสุดอันตรายที่เหล่าคนอพยพมักใช้มุ่งหน้าจากแอฟริกาสู่ยุโรป "มันน่าขนลุก ยังกับป่าช้าฝังศพ ขณะที่หน่วยกู้ภัยก็กำลังเก็บกู้ศพที่เหลือขึ้นมา" นายกุยซี นิโคลินี นายกเทศมนตรีเมืองลัมเปดูซาบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมบอกว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นสตรีตั้งครรภ์ 1 รายและเด็กรวมอยู่ด้วย
รายงานข่าวระบุว่าเรือประมงลำหนึ่งได้แจ้งเหตุเข้ามาตอนประมาณ 7.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 12.20น.) และเริ่มเข้าช่วยเหลือผู้โดยสารขึ้นจากน้ำ ก่อนที่ต่อมากองเรือของยามชายฝั่งจะเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่ชายฝั่งเผยว่าสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตขึ้นมาได้แล้ว 151 ราย หลังจากเรือลำดังกล่าวความยาว 20 เมตร เกิดไฟลุกไหม้และอัปปางห่างจากเกาะลัมเปดูซา ราว 1 กิโลเมตร จนหลายคนต้องกระโดดลงน้ำหนีตาย ส่วนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เสริมว่าผู้โดยสารราว 500 คนของเรือลำนี้ล้วนเป็นชาวเอริเทรีย ซึ่งขึ้นเรือในลิเบีย