เอเอฟพี - ตำรวจนักประดาน้ำอิตาลีพบศพผู้อพยพชาวแอฟริกันเพิ่มขึ้นอีก 83 ราย เมื่อวานนี้ (6) หลังจากผ่านไปแล้ว 2 วันในเหตุการณ์เรือผู้อพยพล่มใกล้เกาะลัมเปดูซา ที่อยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการเพิ่มขึ้นถึง 194 ราย ทำให้ทั้งอิตาลีและฝรั่งเศสเรียกร้องให้อียูมีการร่วมมือกันมากขึ้นในปัญหาผู้อพยพคนเข้าเมือง
ตำรวจนักประดาน้ำในอิตาลีสามารถค้นหาร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือผู้อพยพจากเอริเทียและโซมาเลียเมื่อวันพฤหัสบดี (3) ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอีก 83 รายในวันอาทิตย์ (6) ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการคาดการว่าจะมีจำนวนยอดผู้เสียชีวิตจะพุ่งสูงกว่า 300 ราย
ทั้งนี้ ตำรวจประดาน้ำที่ต้องทำงานค้นหาศพผู้เสียชีวิตใต้ทะเลที่ลึกถึง 50 เมตรบรรยายถึงสภาพน่าสะพรึงกลัวที่ได้พบเห็นว่ามีศพกระจัดกระจายติดกับซากเรือจมอยู่ก้นทะเล “เราเห็นร่างมากมายกองอยู่ในทุกส่วนของตัวเรือ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ศพทั้งนั้น” อันโตนิโอ ดี อามิโก ตำรวจประดาน้ำเผยกับผู้สื่อข่าว โดยทางตำรวจหวังว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจค้นหาผู้เสียชีวิตได้ก่อนวันอังคาร (8) นี้
ในขณะเดียวกัน ตัวเลขการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการของผู้เสียชีวิตในขณะนี้อยู่ที่ 194 ราย จำนวนผู้ที่รอดชีวิตมาได้ราว 155 ราย และมีผู้สูญหายอีกหลายร้อยราย โดยเหตุเรืออับปางเกิดขึ้นจากเครื่องยนต์ของเรือขัดข้อง กัปตันของเรือจึงจุดไฟเผาเสื้อยึดขึ้นเพื่อส่งสัญญาณเรียกเรือยามฝั่งของอิตาลีให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่ทว่าเมื่อไฟถูกจุดขึ้น ผู้อพยพบนเรือต่างหนีไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งจนทำให้เรือขาดสมดุลย์ และโศกนาฐกรรมได้เกิดขึ้น ซึ่งทางหน่วยงานยามฝั่งของอิตาลีได้โต้ข้อกล่าวหาที่ว่า ทางหน่วยใช้เวลาถึง 45 นาทีกว่าเจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึง นอกจากนี้ทางหน่วยงานยังโต้ข้อกล่าวหาที่ห้ามไม่ให้เรือเอกชนเข้าร่วมทีมกู้ภัยในเหตุการณ์เรือล่ม
และรัฐมนตรีผิวสีรายแรกรายแรกของอิตาลี เจ้ากระทรวงคนเข้าเมืองอิตาลี เซซิล คียานเก ที่ได้ไปตรวจเยี่ยมถึงสถานที่เกิดเหตุเรียกร้องให้อียูช่วยเหลืออิตาลีมากขึ้นในปัญหาผู้อพยพ เพื่อป้องกันเหตุสลดเช่นนี้อีกในอนาคต “อิตาลีไม่สามารถที่จะรับมือเหตุการณ์ทำนองนี้ได้เพียงลำพัง แต่เราทำได้ด้วยความช่วยเหลือของอียู อิตาลีต้องมีคำตอบให้กับเหล่าผู้อพยพที่ต้องการการปกป้อง และเดินทางมาที่นี่เพื่อต้องการขอความช่วยเหลือ” คียานเกกล่าว
ในวันอาทิตย์ (6) นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ฌอง-มาร์ค เอโรลต์ ได้เรียกร้องให้อียูมีการจัดประชุม เนื่องมาจากเหตุการณ์เรืออับปางที่คร่าชีวิตผู้อพยพชาวเอริเทียและโซมาเลียเป็นจำนวนมาก “มันเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่อียูต้องเรียกประชุมเพื่อถกปัญหานี้” เอโรลต์เผยกับผู้สื่อข่าวระหว่างไปเยือนเมืองเมตซ์ ในฝรั่งเศส
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาอิตาลีประสบปัญหาการไหลเข้ามาของผู้อพยพตั้งแต่ต้นปี 2013 ด้วยจำนวนกว่า 30,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าของตัวเลขผู้อพยพในปีที่ผ่านมา โดยส่วนมากผู้อพยพจะขึ้นฝั่งอิตาลีที่เกาะลัมเปดูซา ซึ่งอยู่ใกล้กับทางตอนเหนือของแอฟริกามากกว่าทางตอนใต้ของอิตาลี
ในขณะนี้เจ้าหน้าท้องถิ่นบนเกาะลัมเปดูซาแห่งนี้ได้พยายามในการจัดการกับปัญหาจำนวนผู้อพยพที่มีมากกว่า 1,000 คน บนเกาะในสถานที่พักที่จัดให้สำหรับผู้อพยพราว 250 แห่งทั่วเกาะ ซึ่งไม่พอกับความต้องการจนเป็นผลให้มีผู้อพยพบางส่วนต้องนอนข้างนอกอาคาร และในวันพุธ(9)นี้ ประธานสหภาพยุโรป โฮเซ มานูเอล บาร์รอสโซ จะเดินทางมาถึงเกาะผู้อพยพแห่งนี้ตามคำเชิญจากนายกรัฐมนตรีอิตาลี เอนริโก เล็ตตา ที่กล่าวว่า “ให้อียูมาเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง”
ด้านทางด้านวาติกัน พระสันตะปาปาฟรานซิส แห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกได้ส่งผู้แทนมาเพื่อทำพิธีให้กับผู้เสียชีวิต และในวันอาทิตย์ (6) พระองค์ยังได้ยืนไว้อาลัยในช่วงสั้นๆในระหว่างการเทศนาประสัปดาห์ท่ามกลางกลุ่มผู้แสวงบุญนับพันในวาติกัน
