นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ตั้งคณะทำงานพิเศษทบทวนมาตรฐานของโกดังที่จะเข้าร่วมเก็บข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาล โดยแบ่งเกรดโกดัง ตามคุณภาพ เพื่อรองรับโครงการรับจำนำฤดูกาลใหม่ ปี 2556/2557 ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และเชื่อว่า โครงการรับจำนำในรอบนี้ข้าวจะมีคุณภาพมากขึ้น เพราะได้กำหนดเงื่อนไขรับจำนำไม่เกิน 3.5 แสนบาทต่อราย ซึ่งปริมาณที่น้อยลงจะทำให้การดูแลคุณภาพทำได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังขอความร่วมมือบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว หรือเซอร์เวย์เยอร์ ให้ตั้งคณะทำงานดูแลคลังสินค้าให้ได้มาตรฐานที่ดีขึ้น
ส่วนการระบายข้าวรัฐบาลได้เดินหน้าเปิดประมูลขายข้าวล็อตแรก 150,000 ตัน ผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ AFET ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ หลังสามารถจัดหางบประมาณได้พร้อม หรือให้เงิน 245 ล้านบาท เพื่อวางประกัน และคาดว่าจะได้รับเงินกลับคืนภายใน 4-5 เดือน หลังเปิดการซื้อ-ขาย
ทั้งนี้ มั่นใจว่า การขายข้าวผ่าน AFET จะทำให้ขายข้าวได้ราคาดี เพราะเป็นข้าวที่คัดคุณภาพ คือ ข้าวหอมละมิ จำนวน 36,000 ตัน และข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 110,000 ตัน จาก 8 จังหวัด ที่เข้าร่วมคือ นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา สระบุรี อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งกำหนดให้มีการแบ่งขายข้าวแยกกองไม่เกินกองละ 2,000 ตัน ทำให้ผู้ค้าข้าวรายเล็กเข้าซื้อข้าวได้ แตกต่างกับการเปิดประมูลทั่วไปที่กำหนดให้ซื้อข้าวแบบยกคลัง โดยที่ผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบในเรื่องคุณภาพข้าวเอง และยืนยันว่า จะไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการซื้อขายข้าว เนื่องจากแบ่งเรื่องคุณภาพข้าวอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ นายยรรยง ยังได้นำเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน อคส.และเซอร์เวย์เยอร์ ลงพื้นที่ตรวจคลังสินค้ากลางข้าวสารของบริษัทโรงสีมงคลชัย ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นคลังเก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 จำนวน 29,000 ตัน โดยพบว่า คุณภาพข้าวตรงตามมาตรฐานที่กำหนด และคลังนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่รัฐบาลเลือกให้เข้าร่วมประมูลขายข้าวผ่าน AFET คาดว่าจะเป็นในล็อตทันไป เนื่องจากเป็นข้าวมีคุณภาพ
ส่วนการระบายข้าวรัฐบาลได้เดินหน้าเปิดประมูลขายข้าวล็อตแรก 150,000 ตัน ผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ AFET ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลได้ในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ หลังสามารถจัดหางบประมาณได้พร้อม หรือให้เงิน 245 ล้านบาท เพื่อวางประกัน และคาดว่าจะได้รับเงินกลับคืนภายใน 4-5 เดือน หลังเปิดการซื้อ-ขาย
ทั้งนี้ มั่นใจว่า การขายข้าวผ่าน AFET จะทำให้ขายข้าวได้ราคาดี เพราะเป็นข้าวที่คัดคุณภาพ คือ ข้าวหอมละมิ จำนวน 36,000 ตัน และข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 110,000 ตัน จาก 8 จังหวัด ที่เข้าร่วมคือ นครสวรรค์ สุพรรณบุรี ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา สระบุรี อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งกำหนดให้มีการแบ่งขายข้าวแยกกองไม่เกินกองละ 2,000 ตัน ทำให้ผู้ค้าข้าวรายเล็กเข้าซื้อข้าวได้ แตกต่างกับการเปิดประมูลทั่วไปที่กำหนดให้ซื้อข้าวแบบยกคลัง โดยที่ผู้ซื้อจะต้องรับผิดชอบในเรื่องคุณภาพข้าวเอง และยืนยันว่า จะไม่เกิดความซ้ำซ้อนในการซื้อขายข้าว เนื่องจากแบ่งเรื่องคุณภาพข้าวอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ นายยรรยง ยังได้นำเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน อคส.และเซอร์เวย์เยอร์ ลงพื้นที่ตรวจคลังสินค้ากลางข้าวสารของบริษัทโรงสีมงคลชัย ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นคลังเก็บข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/2556 จำนวน 29,000 ตัน โดยพบว่า คุณภาพข้าวตรงตามมาตรฐานที่กำหนด และคลังนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่รัฐบาลเลือกให้เข้าร่วมประมูลขายข้าวผ่าน AFET คาดว่าจะเป็นในล็อตทันไป เนื่องจากเป็นข้าวมีคุณภาพ