วันนี้ (13 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องพิจารณา 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขคดี อ.3015/2552 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1–4 ตามลำดับ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2552 สรุปความผิดว่า เมื่อระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม–28 กันยายน 2547 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีมติเห็นชอบร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษของประธานและกรรมการ กกต. พ.ศ.2547 ต่อมามีการประชุมแก้ไขเป็นระเบียบ กกต.ว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนแก่ประธาน และกรรมการ กกต. กำหนดเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ลักษณะเหมาจ่ายเป็นรายเดือนให้กับพวกจำเลย เดือนละ 20,000 บาท โดยให้ใช้บังคับย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 ทั้งที่จำเลยกับพวกไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ ชั้นไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดแล้ว อัยการจึงนำคดีนี้มาฟ้อง และขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามความผิด และนับโทษจากคดีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2 ในคดีทุจริตจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 อีก 2 สำนวน รวม 6 ปีด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อ 29 ธันวาคม 2553 ว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้องจริง ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่พิเคราะห์ประวัติการศึกษาและรับราชการ อีกทั้งไม่ปรากฏมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่ มีเหตุควรปรานีให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นนั้น เนื่องจากศาลพิพากษาให้รอการลงโทษ จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำร้องในส่วนนี้ ต่อมาจำเลยที่ 1-2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัด ทนายของนายวีระชัย จำเลยที่ 2 ได้ยื่นใบมรณบัตรการเสียชีวิตของนายวีระชัย จำเลยที่ 2 ซึ่งระบุว่าได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2555 ศาลจึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากป.ป.ช.ก่อน โดยต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง จึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปเป็นวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น.
คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2552 สรุปความผิดว่า เมื่อระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม–28 กันยายน 2547 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีมติเห็นชอบร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษของประธานและกรรมการ กกต. พ.ศ.2547 ต่อมามีการประชุมแก้ไขเป็นระเบียบ กกต.ว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนแก่ประธาน และกรรมการ กกต. กำหนดเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ลักษณะเหมาจ่ายเป็นรายเดือนให้กับพวกจำเลย เดือนละ 20,000 บาท โดยให้ใช้บังคับย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 ทั้งที่จำเลยกับพวกไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ ชั้นไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดแล้ว อัยการจึงนำคดีนี้มาฟ้อง และขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามความผิด และนับโทษจากคดีที่ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2 ในคดีทุจริตจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 อีก 2 สำนวน รวม 6 ปีด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อ 29 ธันวาคม 2553 ว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้องจริง ลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่พิเคราะห์ประวัติการศึกษาและรับราชการ อีกทั้งไม่ปรากฏมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่ มีเหตุควรปรานีให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอื่นนั้น เนื่องจากศาลพิพากษาให้รอการลงโทษ จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำร้องในส่วนนี้ ต่อมาจำเลยที่ 1-2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลานัด ทนายของนายวีระชัย จำเลยที่ 2 ได้ยื่นใบมรณบัตรการเสียชีวิตของนายวีระชัย จำเลยที่ 2 ซึ่งระบุว่าได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2555 ศาลจึงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากป.ป.ช.ก่อน โดยต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง จึงเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปเป็นวันที่ 12 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น.