นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังประชุมปรับแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการบินว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำแนวทางการแก้ปัญหาระยะสั้น 5 แนวทาง และนำกลับมาเสนอภายใน 2 สัปดาห์ ประกอบด้วย 1.การเข้าเผชิญเหตุหลังเกิดอุบัติเหตุจะต้องกำหนดหน่วยงานที่ดูแล และผู้สั่งการอย่างชัดเจน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดหาอุปกรณ์ในการแก้ปัญหาฉุกเฉินให้เพียงพอ เช่น ถุงลมยางสำหรับกู้เครื่องบิน จะต้องมีเพิ่มในทุกสนามบินไม่ใช่แค่สุวรรณภูมิ
2.ขั้นตอนต่อมาการดูแลผู้โดยสารหลังเกิดเหตุ ต้องดูว่ามีการดูแลผู้โดยสารตามขั้นตอนหรือไม่ รวมถึงจุดใดที่รอนาน หรือผู้โดยสารที่ไม่มีหนังสือเดินทางติดตามจะแก้ไขอย่างไร
3.การตั้งศูนย์เพื่อชี้แจงข้อมูลในช่วงที่เกิดเหตุฉุกเฉิน จะต้องมีหน่วยงานหลักในการชี้แจงข่าว ความคืบหน้าในทุกวันเพื่อป้องกันการสับสน
4.ขั้นตอนปฏิบัติของพนักงานดูว่า มีจุดไหนต้องปรับเพื่อให้ประชาชนมั่นใจในการใช้บริการ และ5.การจัดการจราจรทางอากาศ หากเกิดอุบัติเหตุจะต้องมีการอำนวยความสะดวกเที่ยวบินขึ้นลงให้ได้รับผลกระทบความล่าช้าน้อย
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้บริษัทท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) เร่งสรุปแผนการทำรันเวย์สำรอง บริเวณใกล้กับรันเวย์ฝั่งตะวันตก โดย ทอท.จะต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว แต่ขณะเดียวกันต้องไปดูไม่ให้ผิดขั้นตอนกฎหมาย รวมถึงเกิดผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนในการทำอีไอเอ หรือผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ โดยการสร้างรันเวย์สำรองมีความจำเป็นมากในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เพราะจะช่วยไม่ให้เกิดปัญหาเที่ยวบินล่าช้าได้อีก อีกทั้งการใช้รันเวย์สุวรรณภูมิปัจจุบันก็เต็มประสิทธิภาพที่รองรับได้แล้ว โดยยืนยันว่าการสร้างรันเวย์สำรองไม่ได้เป็นการสร้าง เพื่อรองรับการเพิ่มเที่ยวบิน แต่เป็นทำเผื่อไว้กรณีการปิดซ่อมรันเวย์ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น
2.ขั้นตอนต่อมาการดูแลผู้โดยสารหลังเกิดเหตุ ต้องดูว่ามีการดูแลผู้โดยสารตามขั้นตอนหรือไม่ รวมถึงจุดใดที่รอนาน หรือผู้โดยสารที่ไม่มีหนังสือเดินทางติดตามจะแก้ไขอย่างไร
3.การตั้งศูนย์เพื่อชี้แจงข้อมูลในช่วงที่เกิดเหตุฉุกเฉิน จะต้องมีหน่วยงานหลักในการชี้แจงข่าว ความคืบหน้าในทุกวันเพื่อป้องกันการสับสน
4.ขั้นตอนปฏิบัติของพนักงานดูว่า มีจุดไหนต้องปรับเพื่อให้ประชาชนมั่นใจในการใช้บริการ และ5.การจัดการจราจรทางอากาศ หากเกิดอุบัติเหตุจะต้องมีการอำนวยความสะดวกเที่ยวบินขึ้นลงให้ได้รับผลกระทบความล่าช้าน้อย
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้บริษัทท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) เร่งสรุปแผนการทำรันเวย์สำรอง บริเวณใกล้กับรันเวย์ฝั่งตะวันตก โดย ทอท.จะต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว แต่ขณะเดียวกันต้องไปดูไม่ให้ผิดขั้นตอนกฎหมาย รวมถึงเกิดผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนในการทำอีไอเอ หรือผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ โดยการสร้างรันเวย์สำรองมีความจำเป็นมากในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เพราะจะช่วยไม่ให้เกิดปัญหาเที่ยวบินล่าช้าได้อีก อีกทั้งการใช้รันเวย์สุวรรณภูมิปัจจุบันก็เต็มประสิทธิภาพที่รองรับได้แล้ว โดยยืนยันว่าการสร้างรันเวย์สำรองไม่ได้เป็นการสร้าง เพื่อรองรับการเพิ่มเที่ยวบิน แต่เป็นทำเผื่อไว้กรณีการปิดซ่อมรันเวย์ หรือเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น
