กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานบริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บีทีเอสซี และมีความเห็นส่งสำนวนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวกรวม 10 คน ส่งคืนให้กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการพิจารณาไต่สวนต่อตามอำนาจหน้าที่ เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา
นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกส่วนตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ดีเอสไอไม่มีสิทธิ์ตั้งแต่แรกในการสอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยืนยันมาตลอด ถ้าจะกล่าวในฐานะส่วนตัวก็เป็นเรื่องของดีเอสไอ แต่ถ้าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ต้องเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. เท่านั้น ซึ่งในกระบวนการพิจารณาต้องรอบคอบ ยุติธรรม ไม่มีอคติ กรณีนี้จึงเป็นอุทาหรณ์กับดีเอสไอทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรน้อยลงไปเองส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรีต่ออายุการทำงานให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ อีก 1 ปี ก็เป็นสิทธิ์ที่ ครม.จะดำเนินการได้
นายวสันต์ มีวงษ์ โฆษกส่วนตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ดีเอสไอไม่มีสิทธิ์ตั้งแต่แรกในการสอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยืนยันมาตลอด ถ้าจะกล่าวในฐานะส่วนตัวก็เป็นเรื่องของดีเอสไอ แต่ถ้าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ต้องเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. เท่านั้น ซึ่งในกระบวนการพิจารณาต้องรอบคอบ ยุติธรรม ไม่มีอคติ กรณีนี้จึงเป็นอุทาหรณ์กับดีเอสไอทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรน้อยลงไปเองส่วนกรณีที่คณะรัฐมนตรีต่ออายุการทำงานให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ อีก 1 ปี ก็เป็นสิทธิ์ที่ ครม.จะดำเนินการได้
