นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาราคายางพาราว่า ในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) คณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณามาตรการแก้ไขปัญหายางตามที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ระยะสั้น เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนโดยให้ความช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตเป็นเงินสดผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แก่เกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์ หรือสิทธิทำกินในพื้นที่ รายละไม่เกิน 10 ไร่ ตามพื้นที่เปิดกรีดจริงในอัตราไร่ละ 1,260 บาท
ส่วนมาตรการระยะปานกลางและระยะยาว โดยให้การสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรที่มีศักยภาพได้ใช้ประโยชน์จากโรงงานแปรรูปที่มีการสร้างไว้แล้ว หรือลงทุนจัดสร้างโรงงานใหม่ เพื่อให้มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางโดยสถาบันเกษตรกรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ในวงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท และจัดสรรวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนแก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อสนับสนุนการขยายกำลังการผลิต และการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิต ในวงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินจากสถาบันเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเริ่มดำเนินในมาตรการต่างๆ ได้ทันที
นอกจากนี้ ยังลดการเก็บเงินสงเคราะห์ หรือเงินเซส เป็นเวลา 4 เดือน มีผลตั้งแต่ 2 กันยายน-31 ธันวาคม
ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรฯ ยังได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรทำแผนและขั้นตอนการดำเนินงานขึ้นทะเบียนและออกใบรับรองเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา โดยใช้ทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตรที่มีการขึ้นทะเบียนไว้แล้วเป็นกรอบในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่ กนย.เสนอแล้ว เกษตรกรสามารถมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา เพื่อเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบได้ตั้งแต่ วันที่ 4-30 กันยายน ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบแปลงเพื่อรับเงินค่าสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับข้อเรียกร้องให้มีการสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ เป็นไม่เกิน 25 ไร่ และให้เกษตรกรที่ปลูกยางพาราในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโดยเร็วต่อไป
ส่วนมาตรการระยะปานกลางและระยะยาว โดยให้การสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรที่มีศักยภาพได้ใช้ประโยชน์จากโรงงานแปรรูปที่มีการสร้างไว้แล้ว หรือลงทุนจัดสร้างโรงงานใหม่ เพื่อให้มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางโดยสถาบันเกษตรกรเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรน ในวงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท และจัดสรรวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนแก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อสนับสนุนการขยายกำลังการผลิต และการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิต ในวงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินจากสถาบันเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งเมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเริ่มดำเนินในมาตรการต่างๆ ได้ทันที
นอกจากนี้ ยังลดการเก็บเงินสงเคราะห์ หรือเงินเซส เป็นเวลา 4 เดือน มีผลตั้งแต่ 2 กันยายน-31 ธันวาคม
ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรฯ ยังได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรทำแผนและขั้นตอนการดำเนินงานขึ้นทะเบียนและออกใบรับรองเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา โดยใช้ทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตรที่มีการขึ้นทะเบียนไว้แล้วเป็นกรอบในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบตามที่ กนย.เสนอแล้ว เกษตรกรสามารถมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา เพื่อเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบได้ตั้งแต่ วันที่ 4-30 กันยายน ณ สำนักงานเกษตรอำเภอ และเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบแปลงเพื่อรับเงินค่าสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับข้อเรียกร้องให้มีการสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ เป็นไม่เกิน 25 ไร่ และให้เกษตรกรที่ปลูกยางพาราในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติโดยเร็วต่อไป