คุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเล เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น เหตุที่ทำให้น้ำมันรั่วไหลในทะเลเกิดจากท่อรั่ว ซึ่งไม่พบปัจจัยภายนอกที่ทำให้ท่อแตก
ทั้งนี้ จากการตั้งสมมุติฐานการไหลของน้ำมันรั่วออกจากท่อในระดับเกินกว่ามาตรฐาน ยืนยันว่าปริมาณน้ำมันรั่วอยู่ที่ประมาณ 54,341 ลิตร ขณะที่แผนรับมือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางบริษัท พีทีทีจีซี สามารถแก้ไขปฏิบัติตามขั้นตอนตามมาตรฐานกระบวนการทำงานในสภาวะฉุกเฉินได้ดี และใช้ระยะเวลาไม่นาน แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่มีกระแสน้ำและคลื่นลมแรงจึงเป็นตัวแปรสำคัญ สำหรับการปฏิบัติการทางอากาศด้วยการโปรยสารกระจายคราบน้ำมัน ที่ใช้เวลาดำเนินการล่าช้า ต้องมีการประสานงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการสอบสวน ได้เสนอแนะให้ตั้งคณะกรรมการด้านเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมถึงสาเหตุการแตกของท่อ พร้อมให้แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนจัดทำแผนฟื้นฟูในระยะสั้นและยาว รวมถึง เสนอให้มีการจัดซื้อเครื่องบินโปรยสารรองรับการเกิดเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ จากการตั้งสมมุติฐานการไหลของน้ำมันรั่วออกจากท่อในระดับเกินกว่ามาตรฐาน ยืนยันว่าปริมาณน้ำมันรั่วอยู่ที่ประมาณ 54,341 ลิตร ขณะที่แผนรับมือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางบริษัท พีทีทีจีซี สามารถแก้ไขปฏิบัติตามขั้นตอนตามมาตรฐานกระบวนการทำงานในสภาวะฉุกเฉินได้ดี และใช้ระยะเวลาไม่นาน แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่มีกระแสน้ำและคลื่นลมแรงจึงเป็นตัวแปรสำคัญ สำหรับการปฏิบัติการทางอากาศด้วยการโปรยสารกระจายคราบน้ำมัน ที่ใช้เวลาดำเนินการล่าช้า ต้องมีการประสานงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการสอบสวน ได้เสนอแนะให้ตั้งคณะกรรมการด้านเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมถึงสาเหตุการแตกของท่อ พร้อมให้แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนจัดทำแผนฟื้นฟูในระยะสั้นและยาว รวมถึง เสนอให้มีการจัดซื้อเครื่องบินโปรยสารรองรับการเกิดเหตุดังกล่าว