นายบุญไทย แก้วขันตี รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ธ.ก.ส.จะหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสมาคมประกันวินาศภัย เกี่ยวกับเงื่อนไขการรับจำนำข้าวเปลือกเพื่อเสนอต่อกระทรวงการคลัง
โดยเบื้องต้นจะกำหนดให้การจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 56 และ 57 ชาวนาที่จะนำข้าวจำนำต้องทำประกันภัยพืชผลในสัดส่วน 1 ใน 4 ของพื้นที่เพาะปลูก เช่น มีที่นา 40 ไร่ ต้องประกันภัยพืชผล 10 ไร่ จ่ายเบี้ยประกัน 129 บาทต่อไร่ต่อปี โดยเกษตรกรจ่ายเบี้ยประกันไร่ละ 60 บาท รัฐบาลช่วยอุดหนุนให้ 69 บาทต่อไร่ เมื่อเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติบริษัทประกันจ่ายชดเชยให่ 1,111 บาทต่อไร่ พร้อมทั้งกำหนดเพดานรับจำนำไม่เกิน 5 แสนบาทต่อครัวเรือน และนำข้าวเข้าโครงการได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี
ทั้งนี้ จะดึงเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประกันภัยพืชผลให้ได้ 15 ล้านไร่ จากพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ 60 ล้านไร่ แนวทางดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการสวมสิทธิ์ในการรับจำนำข้าว และยังจะลดภาระของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกรเมื่อเกิดภัยธรรมชาติและเกษตรกรได้รับเงินที่ชัดเจน
โดยเบื้องต้นจะกำหนดให้การจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 56 และ 57 ชาวนาที่จะนำข้าวจำนำต้องทำประกันภัยพืชผลในสัดส่วน 1 ใน 4 ของพื้นที่เพาะปลูก เช่น มีที่นา 40 ไร่ ต้องประกันภัยพืชผล 10 ไร่ จ่ายเบี้ยประกัน 129 บาทต่อไร่ต่อปี โดยเกษตรกรจ่ายเบี้ยประกันไร่ละ 60 บาท รัฐบาลช่วยอุดหนุนให้ 69 บาทต่อไร่ เมื่อเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติบริษัทประกันจ่ายชดเชยให่ 1,111 บาทต่อไร่ พร้อมทั้งกำหนดเพดานรับจำนำไม่เกิน 5 แสนบาทต่อครัวเรือน และนำข้าวเข้าโครงการได้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อปี
ทั้งนี้ จะดึงเกษตรกรเข้าร่วมโครงการประกันภัยพืชผลให้ได้ 15 ล้านไร่ จากพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ 60 ล้านไร่ แนวทางดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาการสวมสิทธิ์ในการรับจำนำข้าว และยังจะลดภาระของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกรเมื่อเกิดภัยธรรมชาติและเกษตรกรได้รับเงินที่ชัดเจน