เควิน รัดด์ กลับขึ้นดำรงตำแหน่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย สืบแทนจูเลีย กิลลาร์ด ผู้นำฝ่ายบริหารที่เป็นผู้หญิงคนแรกของแดนจิงโจ้ ภายหลังการลงคะแนนตัดสินภายในพรรคเลเบอร์เมื่อวันพุธ(26 มิ.ย.) ซึ่งทำให้เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำพรรคอีกคำรบหนึ่ง หลังจากที่เมื่อ 3 ปีก่อนอดีตนักการทูตผู้นี้ต้องปราชัยจากการ “รัฐประหาร” ด้วยวิธีเดียวกันนี้จากน้ำมือของกิลลาร์ด ทั้งนี้เห็นกันว่าความเคลื่อนไหวคราวนี้เป็นความพยายามดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของพรรคเลเบอร์ ในขณะที่กำลังจะต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่เกิน 3 เดือนข้างหน้า
การกลับมาของรัดด์อาจหมายความว่า ออสเตรเลียจะจัดการเลือกตั้งในเดือนสิงหาคมแทนที่จะเป็นวันที่ 14 กันยายนที่กำหนดไว้เดิม เพื่อฉกฉวยจังหวะที่คะแนนนิยมในตัวรัดด์ยังคงเข้มแข็ง และช่วงฮันนีมูนจากผลโหวตภายในพรรค
รัดด์ อดีตนักการทูตที่พูดภาษาจีนกลางได้ดี เก็บคะแนนจากสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเลเบอร์ไปได้ 57 คะแนนในการลงมติเมื่อวันพุธ (26) ส่วนกิลลาร์ดที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะเลิกเล่นการเมืองหากแพ้ ได้ 45 คะแนน
ทั้งนี้ กิลลาร์ดเรียกร้องให้สมาชิกพรรคโหวตหลังจากก่อนหน้านั้นหนึ่งวันมีความพยายามอย่างหนักเพื่อปลดเธอ และมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคคืนให้รัดด์ โดยคราวนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2010 ที่กิลลาร์ดถูกท้าทายอำนาจ
ครั้งแรกนั้นรัดด์เป็นผู้เสนอให้พรรคลงมติเลือกผู้นำใหม่เมื่อต้นปี 2012 แต่พ่ายแพ้ให้กิลลาร์ดด้วยคะแนน 71 ต่อ 31
ส่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมปีนี้ เมื่อ ไซมอน ครีน รัฐบุรุษอาวุโส พยายามแต่งตั้งรัดด์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธและประกาศว่า จะไม่ท้าทายกิลลาร์ด “ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ”
สำหรับคราวนี้ สิ่งที่กิลลาร์ดต้องทำต่อไปคือ แจ้งต่อข้าหลวงใหญ่ เควนติน ไบรซ์ ว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดี (27) ก่อนที่รัดด์จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งแทน
การกลับมาของรัดด์อาจหมายความว่า ออสเตรเลียจะจัดการเลือกตั้งในเดือนสิงหาคมแทนที่จะเป็นวันที่ 14 กันยายนที่กำหนดไว้เดิม เพื่อฉกฉวยจังหวะที่คะแนนนิยมในตัวรัดด์ยังคงเข้มแข็ง และช่วงฮันนีมูนจากผลโหวตภายในพรรค
รัดด์ อดีตนักการทูตที่พูดภาษาจีนกลางได้ดี เก็บคะแนนจากสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคเลเบอร์ไปได้ 57 คะแนนในการลงมติเมื่อวันพุธ (26) ส่วนกิลลาร์ดที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะเลิกเล่นการเมืองหากแพ้ ได้ 45 คะแนน
ทั้งนี้ กิลลาร์ดเรียกร้องให้สมาชิกพรรคโหวตหลังจากก่อนหน้านั้นหนึ่งวันมีความพยายามอย่างหนักเพื่อปลดเธอ และมอบตำแหน่งหัวหน้าพรรคคืนให้รัดด์ โดยคราวนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2010 ที่กิลลาร์ดถูกท้าทายอำนาจ
ครั้งแรกนั้นรัดด์เป็นผู้เสนอให้พรรคลงมติเลือกผู้นำใหม่เมื่อต้นปี 2012 แต่พ่ายแพ้ให้กิลลาร์ดด้วยคะแนน 71 ต่อ 31
ส่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมปีนี้ เมื่อ ไซมอน ครีน รัฐบุรุษอาวุโส พยายามแต่งตั้งรัดด์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธและประกาศว่า จะไม่ท้าทายกิลลาร์ด “ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ”
สำหรับคราวนี้ สิ่งที่กิลลาร์ดต้องทำต่อไปคือ แจ้งต่อข้าหลวงใหญ่ เควนติน ไบรซ์ ว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดี (27) ก่อนที่รัดด์จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งแทน