น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว NHK ของประเทศญี่ปุ่น ว่า ความขัดแย้งในไทยที่เกิดขึ้นจะสงบลงได้ถ้าทุกฝ่ายอดทนและพูดคุยกันตามวิถีประชาธิปไตย เพื่อนำชาติกลับมาสู่ความสันติ ซึ่งเหมือนกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ที่ทุกประเทศต้องใช้ความอดทน พัฒนาทางเศรษฐกิจร่วมกัน และไว้เนื้อเชื่อใจกัน ส่วนบทบาทไทยในการร่วมมือกับการพัฒนาเมียนมาร์นั้น ไทยจะผลักดันเรื่องความเป็นประชาธิปไตยและจะร่วมมือโครงการทวาย จึงอยากเชิญญี่ปุ่นเข้ามาร่วมลงทุนด้วย เพราะเมื่ออาเซียนรวมกันแล้ว ในปี 2015 ไทยจะเป็นประตูสู่อาเซียน
ส่วนการขึ้นค่าแรง 300 บาท จะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน และจะทำให้ซื้อสินค้าในญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลกำลังหารือกับภาคอุตสาหกรรมในการลดต้นทุนการผลิต และจะลงทุนปรับระบบลอจิสติกส์ครั้งใหญ่ โดยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มีความพยายามในการสร้างบรรยากาศแห่งการลงทุน และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเคยเป็นผู้บริหารองค์กรธุรกิจมาก่อน จึงขออย่ามองว่าผู้นำเป็นหญิงหรือชาย เพราะขณะนี้ประชาชนไว้วางใจให้บริหารประเทศแล้ว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ตอบคำถามถึงสาเหตุที่คนไทยนิยมมาท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ว่า เป็นเพราะมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่า 100 ปี ตนเองจึงอยากเห็นความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และระหว่างรัฐและเอกชนร่วมกัน
ส่วนการขึ้นค่าแรง 300 บาท จะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน และจะทำให้ซื้อสินค้าในญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลกำลังหารือกับภาคอุตสาหกรรมในการลดต้นทุนการผลิต และจะลงทุนปรับระบบลอจิสติกส์ครั้งใหญ่ โดยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มีความพยายามในการสร้างบรรยากาศแห่งการลงทุน และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเคยเป็นผู้บริหารองค์กรธุรกิจมาก่อน จึงขออย่ามองว่าผู้นำเป็นหญิงหรือชาย เพราะขณะนี้ประชาชนไว้วางใจให้บริหารประเทศแล้ว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ตอบคำถามถึงสาเหตุที่คนไทยนิยมมาท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ว่า เป็นเพราะมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่า 100 ปี ตนเองจึงอยากเห็นความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และระหว่างรัฐและเอกชนร่วมกัน