กรณีที่ตัวแทนกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กวป. ยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร และนายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวถึงพฤติการณ์อ้างว่า ประพฤติตนในฐานะตุลาการด้วยความไม่ซื่อสัตย์ ที่กระทำผิดทั้งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และประมวลกฎหมายอาญา ในการรับเรื่องที่กลุ่ม ส.ว.คัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ นายสราวุธ เบญจกุล กรรมการ รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า เมื่อได้พิจารณาสาระในหนังสือที่ยื่นมาแล้ว ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่แจ้งตัวแทน กวป. ผู้ร้อง ทราบว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว อดีตเคยเป็นข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม แต่ปัจจุบันได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่พ้นจากอำนาจของศาลยุติธรรมแล้ว ดังนั้น ในการพิจารณาเรื่องสอบสวนกรณีนี้ จึงไม่อยู่ในอำนาจที่จะดำเนินการได้
ด้านนายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความของ กลุ่ม กวป. จะทำหนังสือสอบถามไปยังที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้อยู่ในอำนาจพิจารณา จะสอบถามด้วยว่าอยู่ในอำนาจของหน่วยงานใด เพื่อที่จะเดินทางไปยื่นหนังสือได้ถูกต้อง
ขณะที่วันนี้(15 พ.ค.) เป็นวันครบกำหนดที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้กลุ่ม ส.ส. และ ส.ว. ทั้ง 312 คน ส่งหนังสือแก้ข้อกล่าวหา มายังสำนักงานภายใน 15 วัน ซึ่ง ก่อนหน้านี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทย จะไม่ส่งคำชี้แจงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะครบกำหนดแล้วก็ตาม โดยพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
ด้านนายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความของ กลุ่ม กวป. จะทำหนังสือสอบถามไปยังที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้อยู่ในอำนาจพิจารณา จะสอบถามด้วยว่าอยู่ในอำนาจของหน่วยงานใด เพื่อที่จะเดินทางไปยื่นหนังสือได้ถูกต้อง
ขณะที่วันนี้(15 พ.ค.) เป็นวันครบกำหนดที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้กลุ่ม ส.ส. และ ส.ว. ทั้ง 312 คน ส่งหนังสือแก้ข้อกล่าวหา มายังสำนักงานภายใน 15 วัน ซึ่ง ก่อนหน้านี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวย้ำว่า พรรคเพื่อไทย จะไม่ส่งคำชี้แจงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะครบกำหนดแล้วก็ตาม โดยพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป