ไอเอ็มเอฟระบุในวันจันทร์(29เม.ย.) ว่า กำลังเฝ้าติดตาม “ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง” เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายของเงินทุนจำนวนมหาศาลเข้ามาในเอเชีย พร้อมกับเรียกร้องให้พวกผู้วางนโยบายในภูมิภาคแถบนี้ ต้องคอยป้องกันตัวพร้อมต่อสู้กับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะร้อนแรงเกินไป ขณะเดียวกัน องค์การโลกบาลทางการเงินแห่งนี้กระตุ้นเอเชียปรับปรุงสถาบันของภาครัฐ พร้อมเปิดเสรีตลาดแรงงานและตลาดผลิตภัณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยง “กับดักรายได้ปานกลาง” และไต่เต้าขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจขั้นสูง โดยที่เตือนไทยว่ามีความเสี่ยงการเติบโตชะลอตัวจากโครงสร้างพื้นฐานด้อยมาตรฐาน
อนูป ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียและแปซิฟิก ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงเตือนในวันจันทร์ที่สิงคโปร์ว่า เงินทุนที่กำลังไหลบ่าเคลื่อนย้ายเข้ามา ซึ่งทำให้ราคาหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียพุ่งโด่งลิบลิ่วอยู่ในเวลานี้ กำลังอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือกระทั่งสูงกว่าแนวโน้มที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ในแทบจะทุกประเทศเอเชียทีเดียว รวมทั้งบรรดาชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
“เรากำลังมองเห็นว่า แรงกดดันทางการเงินกำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคุณอาจจะเรียกมันว่าเป็นความไม่สมดุล หรือเป็นความเสี่ยงของความไม่สมดุลก็ได้” ซิงห์บอก
“และเนื่องจากสภาพการณ์เช่นนี้อาจจะเลวร้ายลงได้อย่างรวดเร็วมาก แน่นอนทีเดียวว่า (เรา) กำลังเฝ้าติดตามด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ ความท้าทายซึ่งบรรดาผู้วางนโยบายกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการสั่งสมเพิ่มพูนของความไม่สมดุลต่างๆ ในระดับชาติ ในขณะที่ยังคงดำเนินการสนับสนุนอันเหมาะสมเพื่อให้เกิดการเติบโตขยายตัวต่อไป”
ซิงห์พูดเรื่องนี้ในระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัว รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Regional Economic Outlook for Asia and the Pacific) ฉบับล่าสุด โดยที่ไอเอ็มเอฟยังคงคาดการณ์ว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะสามารถทำอัตราเติบโตได้ในระดับ 5.7% ในปีนี้
เขาย้ำว่า ประเด็นพื้นฐานที่ไอเอ็มเอฟต้องการเน้นในเวลานี้ก็คือ เอเชียโดยทั่วไป รวมทั้งในหมู่สมาชิกสมาคมอาเซียน กำลังมีความน่าวิตกเพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับเสถียรภาพในระดับชาติ และดังนั้นบรรดาผู้วางนโยบายทางการเงินทั้งหลายจึงจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พรักพร้อม ต้องมองเห็นความเสี่ยงที่เศรษฐกิจทำท่าจะร้อนแรงเกินไปกันตั้งแต่เนิ่นๆ และมองเห็นได้อย่างเด็ดขาดชัดเจน
อนูป ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียและแปซิฟิก ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงเตือนในวันจันทร์ที่สิงคโปร์ว่า เงินทุนที่กำลังไหลบ่าเคลื่อนย้ายเข้ามา ซึ่งทำให้ราคาหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียพุ่งโด่งลิบลิ่วอยู่ในเวลานี้ กำลังอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือกระทั่งสูงกว่าแนวโน้มที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ในแทบจะทุกประเทศเอเชียทีเดียว รวมทั้งบรรดาชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
“เรากำลังมองเห็นว่า แรงกดดันทางการเงินกำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคุณอาจจะเรียกมันว่าเป็นความไม่สมดุล หรือเป็นความเสี่ยงของความไม่สมดุลก็ได้” ซิงห์บอก
“และเนื่องจากสภาพการณ์เช่นนี้อาจจะเลวร้ายลงได้อย่างรวดเร็วมาก แน่นอนทีเดียวว่า (เรา) กำลังเฝ้าติดตามด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ ความท้าทายซึ่งบรรดาผู้วางนโยบายกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการสั่งสมเพิ่มพูนของความไม่สมดุลต่างๆ ในระดับชาติ ในขณะที่ยังคงดำเนินการสนับสนุนอันเหมาะสมเพื่อให้เกิดการเติบโตขยายตัวต่อไป”
ซิงห์พูดเรื่องนี้ในระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัว รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Regional Economic Outlook for Asia and the Pacific) ฉบับล่าสุด โดยที่ไอเอ็มเอฟยังคงคาดการณ์ว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะสามารถทำอัตราเติบโตได้ในระดับ 5.7% ในปีนี้
เขาย้ำว่า ประเด็นพื้นฐานที่ไอเอ็มเอฟต้องการเน้นในเวลานี้ก็คือ เอเชียโดยทั่วไป รวมทั้งในหมู่สมาชิกสมาคมอาเซียน กำลังมีความน่าวิตกเพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับเสถียรภาพในระดับชาติ และดังนั้นบรรดาผู้วางนโยบายทางการเงินทั้งหลายจึงจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พรักพร้อม ต้องมองเห็นความเสี่ยงที่เศรษฐกิจทำท่าจะร้อนแรงเกินไปกันตั้งแต่เนิ่นๆ และมองเห็นได้อย่างเด็ดขาดชัดเจน