ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากความกังวลของนักศึกษาเรื่องการขึ้นค่าหน่วยกิต ภายหลังจากมหาวิทยาลัยเปลี่ยนสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ได้ชี้แจงและพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มนักศึกษา ประกอบด้วย องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) และสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยยืนยันว่า กรณีการออกนอกระบบหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการขึ้นค่าหน่วยกิต แต่เพื่อแก้ข้อกังวลในปัญหาดังกล่าว จึงมอบหมายตัวแทนนักศึกษาไปดำเนินการศึกษาหาข้อมูล เพื่อจัดทำนโยบายการขึ้นค่าหน่วยกิตที่เหมาะสม และไปคิดสูตรการปรับขึ้นค่าหน่วยกิตมาเสนอมหาวิทยาลัย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ เบื้องต้นได้รับข้อเสนอเรื่องค่าหน่วยกิตจากนักศึกษาในหลายรูปแบบ บางคนเห็นว่าควรขึ้นค่าหน่วยกิตทุกปี แต่ขึ้นปีละ 2-3 เปอร์เซ็นต์ หรือบางคนเสนอขึ้นค่าหน่วยกิตตามสภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มธ.มีการปรับค่าหน่วยกิตเฉลี่ย 5 ปีต่อ 1 ครั้ง ครั้งล่าสุดในสมัยอธิการบดีคนก่อนนั้น มีการปรับเพิ่มขึ้นหน่วยกิตละ 100 บาท หรือเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ จากหน่วยกิตตละ 300 บาท เป็น 400 บาท ซึ่งนักศึกษาบางคน กล่าวว่าเป็นการปรับปรุงที่สูงเกินไป
ศ.ดร.สมคิด กล่าวต่อไปว่า มหาวิทยาลัยพยายามไม่ขึ้นค่าหน่วยกิตอยู่แล้ว เพราะถ้าเกิดค่าหน่วยกิตแพงมหาวิทยาลัยกังวลว่า จะมีคนมาเรียนหรือไม่ โดยเขาอาจจะไปเลือกเรียนมหาวิทยาลัยอื่นที่ค่าหน่วยกิตถูกกว่าก็ได้ เนื่องจากอัตราค่าหน่วยกิตที่ปรับเพิ่มขึ้นจะใช้เฉพาะนักศึกษาใหม่เท่านั้น
นอกจากนั้น ได้ชี้แจงนักศึกษาแล้วว่ารายได้จากค่าลงทะเบียนของนักศึกษาประมาณ 35,000 คน คิดเป็นเงินประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อปีนั้น ไม่ใช่รายได้หลักของมหาวิทยาลัยเนื่องจากงบประมาณ มธ.ที่ได้รับทั้งจากรัฐบาล และรายได้อื่นๆ รวมแล้วประมาณ 10ม000 ล้านบาทต่อปี
ดังนั้นสัดส่วนของรายได้จากค่าลงทะเบียนหน่วยกิตนั้นน้อยมาก โดยรายได้ส่วนนี้จะถูกใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวกับนักศึกษา เช่น งบอุดหนุนทุนการศึกษา และงบกิจกรรมนักศึกษา เป็นต้น ส่วนที่ถูกจัดสรรเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนจริงๆ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของค่าเล่าเรียนจริง โดยอีก 2 ส่วนมหาวิทยาลัยได้รับอุดหนุนเพิ่มเติมจากรัฐบาล
ทั้งนี้ กรณีที่เคยประกาศไว้ว่า นักศึกษาคนใดที่สามารถเข้าเรียนที่ มธ.ได้แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าหน่วยกิตสามารถติดต่อมาได้นั้น ปรากฏว่าตลอด 2 ปีที่ตนรับหน้าที่อธิการบดี มีนักศึกษาเข้ามาขอรับทุนแล้ว 5 ราย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มธ.มีการปรับค่าหน่วยกิตเฉลี่ย 5 ปีต่อ 1 ครั้ง ครั้งล่าสุดในสมัยอธิการบดีคนก่อนนั้น มีการปรับเพิ่มขึ้นหน่วยกิตละ 100 บาท หรือเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ จากหน่วยกิตตละ 300 บาท เป็น 400 บาท ซึ่งนักศึกษาบางคน กล่าวว่าเป็นการปรับปรุงที่สูงเกินไป
ศ.ดร.สมคิด กล่าวต่อไปว่า มหาวิทยาลัยพยายามไม่ขึ้นค่าหน่วยกิตอยู่แล้ว เพราะถ้าเกิดค่าหน่วยกิตแพงมหาวิทยาลัยกังวลว่า จะมีคนมาเรียนหรือไม่ โดยเขาอาจจะไปเลือกเรียนมหาวิทยาลัยอื่นที่ค่าหน่วยกิตถูกกว่าก็ได้ เนื่องจากอัตราค่าหน่วยกิตที่ปรับเพิ่มขึ้นจะใช้เฉพาะนักศึกษาใหม่เท่านั้น
นอกจากนั้น ได้ชี้แจงนักศึกษาแล้วว่ารายได้จากค่าลงทะเบียนของนักศึกษาประมาณ 35,000 คน คิดเป็นเงินประมาณ 400-500 ล้านบาทต่อปีนั้น ไม่ใช่รายได้หลักของมหาวิทยาลัยเนื่องจากงบประมาณ มธ.ที่ได้รับทั้งจากรัฐบาล และรายได้อื่นๆ รวมแล้วประมาณ 10ม000 ล้านบาทต่อปี
ดังนั้นสัดส่วนของรายได้จากค่าลงทะเบียนหน่วยกิตนั้นน้อยมาก โดยรายได้ส่วนนี้จะถูกใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวกับนักศึกษา เช่น งบอุดหนุนทุนการศึกษา และงบกิจกรรมนักศึกษา เป็นต้น ส่วนที่ถูกจัดสรรเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนจริงๆ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของค่าเล่าเรียนจริง โดยอีก 2 ส่วนมหาวิทยาลัยได้รับอุดหนุนเพิ่มเติมจากรัฐบาล
ทั้งนี้ กรณีที่เคยประกาศไว้ว่า นักศึกษาคนใดที่สามารถเข้าเรียนที่ มธ.ได้แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าหน่วยกิตสามารถติดต่อมาได้นั้น ปรากฏว่าตลอด 2 ปีที่ตนรับหน้าที่อธิการบดี มีนักศึกษาเข้ามาขอรับทุนแล้ว 5 ราย
