นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจผู้ประกอบการทั่วประเทศ เกี่ยวกับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงที่เงินบาทอยู่ที่ 28.8-29.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ พบว่าร้อยละ 38 ระบุว่าค่าเงินบาทปัจจุบันเหมาะสมในระดับปานกลาง รองลงมา ร้อยละ 33 ระบุว่า ไม่มีความเหมาะสมเลย โดยผู้ประกอบการร้อยละ 42 ระบุว่า ค่าเงินบาทปัจจุบันส่งผลกระทบต่อธุรกิจ โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันด้านราคา และยอดการส่งออกสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่ระบุว่า จะทำให้ยอดส่งออกสินค้าลดลง กำไรลดลง โดยเห็นว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมที่สุดด ควรจะอยู่ที่ 30.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาท ที่ผู้ประกอบการรับได้ อยู่ที่ 29.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่หากเงินบาทแข็งค่าไปแตะที่ 27-27.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ผู้ประกอบการร้อยละ 12 ต้องปลดคนงาน และเกือบร้อยละ 10 ต้องปิดกิจการลง ซึ่งรัฐบาลควรเข้าไปดูแลความผันผวนของเงินบาท และเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป รวมทั้งควรดูแลเงินบาทให้อยู่ที่ระดับ 29-30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่แบงก์ชาติควรลดค่าธรรมเนียมการแลกเงิน และหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเยียวยาผู้ประกอบการ หรืออาจจะใช้วิธีการลดดอกเบี้ย รวมทั้งควบคุมปริมาณเงินไหลเข้าไม่ให้มากจนเกินไปด้วย
ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาท ที่ผู้ประกอบการรับได้ อยู่ที่ 29.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่หากเงินบาทแข็งค่าไปแตะที่ 27-27.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ผู้ประกอบการร้อยละ 12 ต้องปลดคนงาน และเกือบร้อยละ 10 ต้องปิดกิจการลง ซึ่งรัฐบาลควรเข้าไปดูแลความผันผวนของเงินบาท และเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป รวมทั้งควรดูแลเงินบาทให้อยู่ที่ระดับ 29-30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่แบงก์ชาติควรลดค่าธรรมเนียมการแลกเงิน และหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเยียวยาผู้ประกอบการ หรืออาจจะใช้วิธีการลดดอกเบี้ย รวมทั้งควบคุมปริมาณเงินไหลเข้าไม่ให้มากจนเกินไปด้วย
