พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นเรื่องถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กรณีการทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตรา เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา เพราะเห็นว่า กระบวนการดังกล่าวไม่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุม เนื่องจากข้อบังคับการแปรญัตติ ภายใน 15 วัน ต้องเริ่มจากวันที่มีการลงมติคือ วันที่ 18 เมษายน แต่รัฐบาลนับย้อนไปวันที่ 4 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่องค์ประชุมไม่ครบกึ่งหนึ่ง และมีผลต้องเรียกประชุมใหม่ ดังนั้นเห็นว่า การกระทำดังกล่าวผิดตั้งแต่ต้น และเป็นความผิดสำเร็จแล้ว จึงอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.เพื่อดำเนินการยื่นถอดถอน
ขณะที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ระบุว่า การนับวันแปรญัตติต้องเริ่มจากลงมติรับหลักการวาระแรก เมื่อวันที่ 4 เมษายน ซึ่งที่ประชุมรัฐสภาได้ให้ข้อเสนอแนะแล้วว่า หากมีปัญหาสามารถเสนอในขั้นตอนการแปรญัตติในชั้นคณะกรรมาธิการ เพื่อนำมาเสนอในที่ประชุมรัฐสภาให้พิจารณาได้ และยังคงมีปัญหาประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ มาตรา 237 ของสมาชิกรัฐสภา 312 คน เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยไว้แล้วว่า ศาลสามารถรับเรื่องร้องได้โดยตรงจากประชาชน ดังนั้นการแก้ไขดังกล่าว จึงเหมือนเป็นการตัดสินของประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และอาจนำไปสู่การแก้รัฐธรรมทั้งฉบับ จึงเห็นว่าเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองไม่ชอบ พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ด้วยการยกเลิกการแก้ไข มาตรา 68 และ 237 และยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง แม้จะทำในนาม ส.ส. เพราะมีส่วนรู้เห็นในการผลักดันแก้ไขดังกล่าว
ขณะที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา ระบุว่า การนับวันแปรญัตติต้องเริ่มจากลงมติรับหลักการวาระแรก เมื่อวันที่ 4 เมษายน ซึ่งที่ประชุมรัฐสภาได้ให้ข้อเสนอแนะแล้วว่า หากมีปัญหาสามารถเสนอในขั้นตอนการแปรญัตติในชั้นคณะกรรมาธิการ เพื่อนำมาเสนอในที่ประชุมรัฐสภาให้พิจารณาได้ และยังคงมีปัญหาประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดย พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 68 และ มาตรา 237 ของสมาชิกรัฐสภา 312 คน เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยไว้แล้วว่า ศาลสามารถรับเรื่องร้องได้โดยตรงจากประชาชน ดังนั้นการแก้ไขดังกล่าว จึงเหมือนเป็นการตัดสินของประชาชนในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และอาจนำไปสู่การแก้รัฐธรรมทั้งฉบับ จึงเห็นว่าเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองไม่ชอบ พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ด้วยการยกเลิกการแก้ไข มาตรา 68 และ 237 และยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง แม้จะทำในนาม ส.ส. เพราะมีส่วนรู้เห็นในการผลักดันแก้ไขดังกล่าว
