นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ระบุจะใช้เอกสิทธิ์ส่วนตัวขอเลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนในการประชุมสภาวันที่ 18 เมษายนนี้ ว่า เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องไปสะสางความขัดแย้งกันเอง แม้นายวรชัย จะอ้างเอกสิทธิ์ส่วนตัวของ ส.ส.เพื่อเสนอเลื่อนวาระนี้ในที่ประชุม แต่ขัดแย้งกับวิปรัฐบาลเพราะยังไม่มีมติในเรื่องนี้ ฉะนั้น นายวรชัย ต้องไปคุยกับนายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล เพื่อให้ได้ข้อยุติก่อน เพราะการดำเนินการใดๆ ในสภาฯ ต้องเป็นไปตามมติของวิปแต่ละฝ่าย
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเล่นเกมสองหน้า ทำการเมืองแบบปากว่าตาขยิบ เพราะมติวิปรัฐระบุว่าจะไม่เลื่อนวาระนี้ขึ้นมา แต่ปล่อยให้ ส.ส.พรรคอ้างใช้เอกสิทธิ์ โดยจะใช้วิธีการลักไก่แอบโหวตลงมติให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมา และปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างเอามติของที่ประชุมสภาฯ หากทำเช่นนี้จริงก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกในสังคมไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ ซึ่งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบผลของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และอย่าโยนความผิดให้นายวรชัย รับผิดไปเพียงคนเดียว
ทั้งนี้ ขอให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ในฐานะผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งที่ผ่านมาประกาศจุดยืนว่าจะปลดล็อกทางการเมือง ขอให้ใช้โอกาสนี้แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรในฐานะประธานในที่ประชุมสภาฯ
นายเทพไท กล่าวต่อว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจะเล่นเกมสองหน้า ทำการเมืองแบบปากว่าตาขยิบ เพราะมติวิปรัฐระบุว่าจะไม่เลื่อนวาระนี้ขึ้นมา แต่ปล่อยให้ ส.ส.พรรคอ้างใช้เอกสิทธิ์ โดยจะใช้วิธีการลักไก่แอบโหวตลงมติให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมา และปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างเอามติของที่ประชุมสภาฯ หากทำเช่นนี้จริงก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกในสังคมไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ ซึ่งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบผลของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น และอย่าโยนความผิดให้นายวรชัย รับผิดไปเพียงคนเดียว
ทั้งนี้ ขอให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ในฐานะผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งที่ผ่านมาประกาศจุดยืนว่าจะปลดล็อกทางการเมือง ขอให้ใช้โอกาสนี้แสดงจุดยืนในเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรในฐานะประธานในที่ประชุมสภาฯ