นายอาทิตย์ อิสโม รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 18 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างใน 70 จังหวัดที่ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2556 โดยกรรมการฝ่ายนายจ้างยืนยันว่า ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมโดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างค่าจ้างที่ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มีการให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันสถานประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีประสบปัญหาไม่สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ 15 มาตรการของรัฐบาลได้ อาทิ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมแสดงความเป็นห่วงปัญหาแรงงานถูกเลิกจ้างโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี สำหรับข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือของภาคธุรกิจ โดยการจัดตั้งกองทุนจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างค่าจ้างที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น รัฐบาลได้แสดงท่าทีแล้วว่าคงไม่สามารถดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มเติมจาก 15 มาตรการที่ออกมาแล้ว โดยมี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ขณะเดียวกัน นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะมีจัดโครงการแรงงานสัญจรขึ้น ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2556 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน จะลงพื้นที่ไปยังจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีการปรับขึ้นค่าจ้างแบบก้าวกระโดดสูงมาก เช่น พะเยา ศรีสะเกษ น่าน ลำปาง เพื่อเก็บข้อมูลถึงผลกระทบและกำหนดแนวทางช่วยเหลือที่ตรงกับความต้องการของแต่ละประเภทกิจการ และแต่ละพื้นที่ให้มากที่สุด ส่วนผู้ประกอบการรายใดโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ เอสเอ็มอีต้องการความช่วยเหลือ หากอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงานจะนำข้อมูลหรือความต้องการดังกล่าวเสนอรัฐบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือตรงกับความต้องการต่อไป
ขณะเดียวกัน จะได้กำชับไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ให้สั่งการไปยังสำนักงานสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงานจังหวัดในจังหวัดต่างๆ ลงพื้นที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมนี้ เพื่อพูดคุยกับสถานประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้นเช่น สิ่งทอ เซรามิก รวมทั้งธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบที่ได้รับการเลิกจ้าง การเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ 15 มาตรการ รวมทั้งความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาล และให้สรุปข้อมูลรายงานรัฐมนตรีแรงงาน และแจ้งต่อบอร์ดค่าจ้าง
ทั้งนี้ มีการให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันสถานประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีประสบปัญหาไม่สามารถเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ 15 มาตรการของรัฐบาลได้ อาทิ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมแสดงความเป็นห่วงปัญหาแรงงานถูกเลิกจ้างโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี สำหรับข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือของภาคธุรกิจ โดยการจัดตั้งกองทุนจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างค่าจ้างที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น รัฐบาลได้แสดงท่าทีแล้วว่าคงไม่สามารถดำเนินการได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มเติมจาก 15 มาตรการที่ออกมาแล้ว โดยมี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ขณะเดียวกัน นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะมีจัดโครงการแรงงานสัญจรขึ้น ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2556 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน จะลงพื้นที่ไปยังจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีการปรับขึ้นค่าจ้างแบบก้าวกระโดดสูงมาก เช่น พะเยา ศรีสะเกษ น่าน ลำปาง เพื่อเก็บข้อมูลถึงผลกระทบและกำหนดแนวทางช่วยเหลือที่ตรงกับความต้องการของแต่ละประเภทกิจการ และแต่ละพื้นที่ให้มากที่สุด ส่วนผู้ประกอบการรายใดโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ เอสเอ็มอีต้องการความช่วยเหลือ หากอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงานจะนำข้อมูลหรือความต้องการดังกล่าวเสนอรัฐบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือตรงกับความต้องการต่อไป
ขณะเดียวกัน จะได้กำชับไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ให้สั่งการไปยังสำนักงานสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงานจังหวัดในจังหวัดต่างๆ ลงพื้นที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมนี้ เพื่อพูดคุยกับสถานประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ใช้แรงงานเข้มข้นเช่น สิ่งทอ เซรามิก รวมทั้งธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบที่ได้รับการเลิกจ้าง การเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือ 15 มาตรการ รวมทั้งความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาล และให้สรุปข้อมูลรายงานรัฐมนตรีแรงงาน และแจ้งต่อบอร์ดค่าจ้าง
