เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสอบสวนผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เจ้าหน้าที่เภสัชกร เจ้าหน้าที่พัสดุ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อหาความเชื่อมโยงกรณีพบพิรุธ การสั่งซื้อยาโบเซนแทนรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจที่มีราคาสูงเกินกว่าความเป็นจริงเกือบเท่าตัว พร้อมกับรวบรวมเอกสารการจัดซื้อยาดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2550-2555 เพื่อนำไปประกอบสำนวนสอบสวน
นายภาสกร เจนประวิทย์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติคดีพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุว่า เบื้องต้นพบว่าศูนย์หัวใจสิริกิติ์มีการสั่งซื้อยาโบเซนแทนแพงกว่าโรงพยาบาลอื่นจริง ซึ่งจากการเปรียบเทียบการซื้อยาดังกล่าว กับโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศ พบว่าในช่วง 5 ปี ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ซื้อยาโบเซนแทนขนาด 125 มิลลิกรัม บรรจุขวดละ 60 เม็ด ราคาขวดละ 146,590 บาท ขณะที่ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขจำหน่ายอยู่ที่ขวดละ 96,300 บาทเท่านั้น ที่เป็นราคาสูงกว่าราคาอ้างอิงถึงร้อยละ 35 หรือรวมเป็นเงินกว่า 3.5 ล้านบาท จากกรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำความผิด และทุจริตทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณ โดยเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการฝ่ายจัดซื้อ เจ้าหน้าที่พัสดุ เภสัชกร และผู้อนุมัติในการสั่งซื้อยาดังกล่าว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่
ด้าน ผศ.น.พ.นเรศ วโรภาสตระกูล รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การจัดซื้อยาโบเซนแทนของศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ซึ่งแพงเกินความเป็นจริง อาจเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ ที่ไม่ได้เช็กราคากลางก่อนสั่งซื้อ และเชื่อว่าไม่มีเจตนาทุจริต แต่ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการจัดซื้อยาดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ปี 2550-2555 พร้อมระบุว่า ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ซื้อยาชนิดนี้เพียงปีละ 10-15 ขวด เนื่องจากเป็นยาที่มีราคาแพง จึงจะสั่งเฉพาะเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เท่านั้น
นายภาสกร เจนประวิทย์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติคดีพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุว่า เบื้องต้นพบว่าศูนย์หัวใจสิริกิติ์มีการสั่งซื้อยาโบเซนแทนแพงกว่าโรงพยาบาลอื่นจริง ซึ่งจากการเปรียบเทียบการซื้อยาดังกล่าว กับโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศ พบว่าในช่วง 5 ปี ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ซื้อยาโบเซนแทนขนาด 125 มิลลิกรัม บรรจุขวดละ 60 เม็ด ราคาขวดละ 146,590 บาท ขณะที่ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขจำหน่ายอยู่ที่ขวดละ 96,300 บาทเท่านั้น ที่เป็นราคาสูงกว่าราคาอ้างอิงถึงร้อยละ 35 หรือรวมเป็นเงินกว่า 3.5 ล้านบาท จากกรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายการกระทำความผิด และทุจริตทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณ โดยเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการฝ่ายจัดซื้อ เจ้าหน้าที่พัสดุ เภสัชกร และผู้อนุมัติในการสั่งซื้อยาดังกล่าว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่
ด้าน ผศ.น.พ.นเรศ วโรภาสตระกูล รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การจัดซื้อยาโบเซนแทนของศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ซึ่งแพงเกินความเป็นจริง อาจเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ ที่ไม่ได้เช็กราคากลางก่อนสั่งซื้อ และเชื่อว่าไม่มีเจตนาทุจริต แต่ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการจัดซื้อยาดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ปี 2550-2555 พร้อมระบุว่า ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ซื้อยาชนิดนี้เพียงปีละ 10-15 ขวด เนื่องจากเป็นยาที่มีราคาแพง จึงจะสั่งเฉพาะเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เท่านั้น
