นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้ออกบัตรสินเชื่อให้เกษตรกรแล้ว 1.8 ล้านใบ และได้มอบให้เกษตรกรไป 7 แสนใบ มียอดใช้ซื้อปัจจัยการผลิตร่วม 2,000 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อปุ๋ยมากสุด ร้อยละ 85 ซึ่งแม้ว่ายอดใช้จ่ายไม่สูงมากนัก เพราะช่วงเปิดโครงการชาวนาปลูกข้าวไปแล้ว และยังไม่คุ้นเคยกับการใช้บัตร แต่คาดว่าฤดูกาลผลิตปีหน้า ยอดการใช้จะมีสูงขึ้น
ทั้งนี้ จากการหารือกับกระทรวงการคลัง ก็มีนโยบายให้ ธ.ก.ส.ขยายโครงการออกไป ให้ครอบคลุมเกษตรกรในกลุ่มต่างๆ นอกจากชาวนา เช่น เกษตรกรชาวสวนยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากเป้าหมายเดิม 2 ล้านครัวเรือน เพิ่มเป็น 4 ล้านครัวเรือน ภายใน 3 ปี และดึงสมาชิกสหกรณ์การเกษตรประมาณ 2 ล้านครัวเรือน ที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงเกษตรฯ มาร่วมโครงการด้วย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทดลองนำร่องใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรในกลุ่มชาวสวนยางพารา จ.บึงกาฬ ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การขยายโครงการดังกล่าวต้องพัฒนาระบบ รองรับทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ด้วยการเพิ่มเครื่องอ่านบัตรเครดิต จาก 3,000 ร้านค้าของสหกรณ์การเกษตร และร้านค้าของเอกชน ให้เป็น 6,000 ร้าน หรือมากกว่านั้น รวมถึงสถานีน้ำมันของ ปตท.และบางจาก เพื่อให้เกิดความสะดวกกับเกษตรกร ซึ่งปัจจัยการผลิตยังเหมือนเดิม คือ ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ น้ำมัน
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ปัญหาหนี้เสียมี แต่ไม่มากนัก เพราะได้คัดเลือกลูกค้าชั้นดีมาเข้าร่วมโครงการ และเกษตรกรส่วนใหญ่ซื่อสัตย์ ชำระหนี้ตามกำหนด
ทั้งนี้ จากการหารือกับกระทรวงการคลัง ก็มีนโยบายให้ ธ.ก.ส.ขยายโครงการออกไป ให้ครอบคลุมเกษตรกรในกลุ่มต่างๆ นอกจากชาวนา เช่น เกษตรกรชาวสวนยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากเป้าหมายเดิม 2 ล้านครัวเรือน เพิ่มเป็น 4 ล้านครัวเรือน ภายใน 3 ปี และดึงสมาชิกสหกรณ์การเกษตรประมาณ 2 ล้านครัวเรือน ที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงเกษตรฯ มาร่วมโครงการด้วย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทดลองนำร่องใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกรในกลุ่มชาวสวนยางพารา จ.บึงกาฬ ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม การขยายโครงการดังกล่าวต้องพัฒนาระบบ รองรับทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ด้วยการเพิ่มเครื่องอ่านบัตรเครดิต จาก 3,000 ร้านค้าของสหกรณ์การเกษตร และร้านค้าของเอกชน ให้เป็น 6,000 ร้าน หรือมากกว่านั้น รวมถึงสถานีน้ำมันของ ปตท.และบางจาก เพื่อให้เกิดความสะดวกกับเกษตรกร ซึ่งปัจจัยการผลิตยังเหมือนเดิม คือ ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ น้ำมัน
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ปัญหาหนี้เสียมี แต่ไม่มากนัก เพราะได้คัดเลือกลูกค้าชั้นดีมาเข้าร่วมโครงการ และเกษตรกรส่วนใหญ่ซื่อสัตย์ ชำระหนี้ตามกำหนด