ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์ อภิปรายใช้งบกลางปี 54 โกงโครงการภัยพิบัติพืช พันล้านบาท แฉ “2 ศักดิ์” เดินเรื่องจัดการหมด ชี้เคยเตือนนายกฯ แล้วแต่ยังปล่อยให้ทำกัน
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่รัฐสภา ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงขบวนการทุจริตในโครงการภัยพิบัติพืช ซึ่งมีการเบิกงบกลางปี 54 ในส่วนงบภัยพิบัตด้านพืชจำนวนพันล้านบาทว่า ขบวนการเริ่มจากรัฐบาลได้แต่งตั้งนายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าฯ อุดรธานี มาเป็นอธิบดีกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น ย้ายมาปีเดียว ไม่มีผลงานอะไร มีแต่การจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชเท่านั้น ใช้งบประมาณประมาณ 2 พันล้านบาท จากนั้นก็เริ่มมีการโกงกันเป็นระบบ โดยมีคนชื่อศักดิ์ 2 คนเป็นผู้เดินเรื่องทั้งหมด โดยตอนแรกอธิบดีไม่กล้า แต่คนชื่อศักดิ์โทร.มาบอกว่าให้ซื้อไป ไม่ต้องกลัวจะถูกย้าย
ทั้งนี้ นายวิลาศได้แจกแจงพฤติกรรมการโกงครั้งนี้ว่า เริมจากมีคนเข้าไปเริ่มก่อตั้งบริษัทประมาณ 10 บริษัท โดยผู้จัดการบริษัทเกือบทั้งหมดมีอายุประมาณ 20 ปีเศษทั้งนั้น แต่เมื่อได้สืบเสาะหาที่มาของบริษัทเหล่านี้กลับพบว่าเป็นเพียงบ้านพักอาศัยของชาวบ้าน และยังให้ข้อมูลว่าไม่ทราบเรื่องถึงการตั้งบริษัทต่างๆ อาทิ บริษัทโชครับทรัพย์อนัตน์ พบว่าเป็นบ้านร้างมา 3 ปีแล้ว บ้านพักของผู้จัดการบริษัทไปอาศัยกับแม่ยายเป็นระยะ ให้เงินครั้งละ 300-500 บาท ส่วนแม่ที่แท้จริงก็ยอมรับว่าอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำงานอะไร มีลูกชายอีกคนชื่อนายวินัย ยิ้มฟุ้งเฟื่อง เป็นผู้จัดการ หจก.นำทรัพย์เจริญ ขายยาได้ 300 ล้านบาท เมื่อสืบเสาะไปตามเลขที่ที่แจ้งจดทะเบียน พบว่า บ้านดังกล่าวมีอาชีพเลี้ยงวัวควาย และมีลูกชายเป็นเพื่อนนายวินัย โดยนายวินัยมาขอยืมทะเบียนบ้านไปจดทะเบียนบริษัท แต่ไม่ได้บอกว่าทำเกี่ยวกับอะไร หรือบริษัท ศ.ศุภกฤษ ขายยาได้พันกว่าล้านบาท แต่สภาพบริษัทเป็นแค่บ้านพักเก่าๆ ส่วน หจก.นัติชดา ตรวจสอบพบว่ามีสภาพเป็นบ้านพักอาศัย โดย น.ส.นัติชดา สายทองคำ เป็นผู้จัดการบริษัท มีอาชีพเป็นพริตตี้ ให้เงินพ่อแม่อาทิตย์ละ 500 บาท แต่ขายยาให้รัฐบาลได้ 500 ล้านบาท และอีกหลายบริษัทที่ตรวจสอบพบว่ามีการขอบ้านเลขที่ไปจดทะเบียนโดยที่เจ้าของบ้านไม่รู้รายละเอียด โดยทั้งหมดมีคนหนึ่งเป็นผู้ประสานทุกบริษัท เป็นผู้ไปยื่นซองประกวดราคาและเซ็นเอง
นายวิลาศกล่าวว่า ตนเคยเตือนนายกฯ แล้วว่าโครงการนี้ซื้อมาแพง แต่นายกฯ ก็ยังปล่อยให้ไปทำกันต่อไป หลายรายการมีการกำหนดราคาที่แพงเกินจริง บางอย่างสูงถึง 12 เท่า เช่น ในตลาดขาย 81 บาท แต่กำหนดราคา 981 บาท และยังเป็นยาปลอมที่เลิกผลิตมา 6 ปีแล้ว
“โครงการทุจริตแบบนี้บ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร ส่อเจตนาว่าไม่ได้ทำหน้าที่ ดีแต่พูดไปวันๆข้าราชการไม่เกรงกลัว โครงการใหญ่อย่างนี้ถ้าไม่มีผู้ใหญ่รับรู้ไม่น่าจะกล้าทำ ไม่รู้ว่ามีปัดเศษที่เกินเข้าพรรคบ้างหรือเปล่า อยากให้นายกฯ กระซิบถาม ผอ.พรรคว่ามีหรือไม่ เพราะพวกผมยังไม่เชื่อ ต้องมีพวกผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องถึงกล้าทำขนาดนี้ เงินนี้อยู่ในงบกลาง อยู่ในการดูแลของนายกฯ โดยตรง ไม่สนใจปล่อยปละละเลย น้ำไม่ท่วมบอกว่าท่วม เบิกกันโกงกัน ถ้านายกฯไม่สนใจปล่อยละเลยอย่างน้อยก็น่าจะออกมาตรการอะไรเพื่อไม่ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ปฏิบัติทุจริตกันแบบบ้าเลือด ผมจึงไม่ไว้วางใจให้ท่านทำหน้าที่บริหารประเทศต่อไป” นายวิลาศกล่าว