นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการยื่นขอรับสิทธิคืนเงินภาษีในโครงการรถยนต์คันแรก ว่า ขณะนี้มียอดผู้มาขอใช้สิทธิทั้งสิ้น 910,000 คัน หรือคิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืนทั้งสิ้น 63,000 ล้านบาท ซึ่งประชาชนมายื่นเฉลี่ยวันละ 35,000 คน หากยอดเฉลี่ยยังเท่าเดิมอีก 10 วัน ก็จะเพิ่มอีก 350,000 คัน จะทำให้ยอดรวมทั้งสิ้นเมื่อปิดโครงการวันที่ 31 ธันวาคม 2555 น่าจะทะลุ 1 ล้านคัน หรือคิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืนประมาณ 70,000 ล้านบาท
โดยการคืนเงินภาษีนั้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะเป็นการทยอยคืนเดือนละครั้ง ทุกวันที่ 5 ของเดือน โดยที่ผ่านมาได้จ่ายไปแล้ว 35,000 ราย คิดเป็นเงิน 2,300 ล้านบาท หากไม่พอตามที่ตั้งในงบประมาณ สามารถยื่นเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ใช้งบกลางเป็นครั้งๆ ไปได้
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตจะทำงานแบบไม่มีวันหยุด จนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิเต็มที่ ซึ่งโครงการนี้ไม่ถือว่าเป็นการใช้เงินงบประมาณ แต่เป็นการจ่ายคืนเงินภาษีที่ประชาชนจ่ายให้กับรัฐ คืนกลับไป ขณะที่รัฐบาลจะได้ประโยชน์ 2 ส่วน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล
นอกจากนี้ ยังทำให้ยอดขายรถยนต์ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงื่อนไขรถคันแรก เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้กรมสรรพสามิตคำนวณว่า หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม นอกจากภาษีที่ต้องคืน 70,000 ล้านบาทแล้ว จะได้ภาษีคืนกลับมาเท่าใด
โดยการคืนเงินภาษีนั้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะเป็นการทยอยคืนเดือนละครั้ง ทุกวันที่ 5 ของเดือน โดยที่ผ่านมาได้จ่ายไปแล้ว 35,000 ราย คิดเป็นเงิน 2,300 ล้านบาท หากไม่พอตามที่ตั้งในงบประมาณ สามารถยื่นเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ใช้งบกลางเป็นครั้งๆ ไปได้
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตจะทำงานแบบไม่มีวันหยุด จนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิเต็มที่ ซึ่งโครงการนี้ไม่ถือว่าเป็นการใช้เงินงบประมาณ แต่เป็นการจ่ายคืนเงินภาษีที่ประชาชนจ่ายให้กับรัฐ คืนกลับไป ขณะที่รัฐบาลจะได้ประโยชน์ 2 ส่วน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล
นอกจากนี้ ยังทำให้ยอดขายรถยนต์ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงื่อนไขรถคันแรก เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้กรมสรรพสามิตคำนวณว่า หลังจากวันที่ 31 ธันวาคม นอกจากภาษีที่ต้องคืน 70,000 ล้านบาทแล้ว จะได้ภาษีคืนกลับมาเท่าใด