ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันพุธ(12) ประกาศใช้อัตราการว่างงานและภาวะเงินเฟ้อ มาเป็นเงื่อนไขกำหนดแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ถือเป็นมาตรการใหม่เอี่ยมที่ไมเคยทำกันมาก่อน ขณะเดียวกัน ยังคลอดโปรแกรมรับซื้อพันธบัตรคลังรอบใหม่ ซึ่งก็คือการดำเนินการผ่อนคลายเชิงปริมาณเพื่อมุ่งกระตุ้นการเติบโตต่อไปอีก นอกจากนั้น เบน เบอร์นันกี ประธานเฟด ได้ออกมาเตือนนักการเมืองให้รีบเร่งผ่าทางตัน “หน้าผาการคลัง”
ในความพยายามที่จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายให้มีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (เฟดฟันด์เรต) ได้ตรึงอยู่ที่ระดับต่ำเตี้ยติดดิน 0 - 0.25% มาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้ว เฟดแถลงว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย คราบเท่าที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่า 2.5% และอัตราการว่างงานยังอยู่เหนือ6.5% โดยที่ในปัจจุบันอัตราการว่างงานแดนอินทรีอยู่ที่ 7.7%
นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ซึ่งประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯในปัจจุบันว่ายังคงเติบโตได้ในระดับพอประมาณเท่านั้น ก็ได้ริเริ่มโปรแกรมซื้อพันธบัตรคลังระยะยาวครั้งใหม่ในปริมาณเดือนละ 45,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้แทนที่โปรแกรม “โอเปอเรชัน ทวิสต์” ที่จะหมดอายุลงสิ้นปีนี้
“เอฟโอเอ็มซียังคงกังวลว่า หากปราศจากการผ่อนคลายทางนโยบายการเงินเพียงพอ การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะหนุนนำการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในตลาดแรงงาน” เฟดอธิบายเอาไว้ในคำแถลงซึ่งออกมาภายหลังการประชุมเอฟโอเอ็มซีเป็นเวลา 2 วัน
ทางด้าน เบอร์นันกี ก็กล่าวในการแถลงข่าวหลังประชุมเอฟโอเอ็มซีโดยย้ำว่า ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการเติบโตต่อไปในระดับพอประมาณ แต่ยังถูกเหนี่ยวรั้งด้วยอัตราว่างงานสูง ซึ่งทำให้ศักยภาพของมนุษย์ตลอดจนเศรษฐกิจต้องสูญเปล่าไปอย่างมหาศาล
ในความพยายามที่จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายให้มีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (เฟดฟันด์เรต) ได้ตรึงอยู่ที่ระดับต่ำเตี้ยติดดิน 0 - 0.25% มาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้ว เฟดแถลงว่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย คราบเท่าที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่า 2.5% และอัตราการว่างงานยังอยู่เหนือ6.5% โดยที่ในปัจจุบันอัตราการว่างงานแดนอินทรีอยู่ที่ 7.7%
นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ซึ่งประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯในปัจจุบันว่ายังคงเติบโตได้ในระดับพอประมาณเท่านั้น ก็ได้ริเริ่มโปรแกรมซื้อพันธบัตรคลังระยะยาวครั้งใหม่ในปริมาณเดือนละ 45,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้แทนที่โปรแกรม “โอเปอเรชัน ทวิสต์” ที่จะหมดอายุลงสิ้นปีนี้
“เอฟโอเอ็มซียังคงกังวลว่า หากปราศจากการผ่อนคลายทางนโยบายการเงินเพียงพอ การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะหนุนนำการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในตลาดแรงงาน” เฟดอธิบายเอาไว้ในคำแถลงซึ่งออกมาภายหลังการประชุมเอฟโอเอ็มซีเป็นเวลา 2 วัน
ทางด้าน เบอร์นันกี ก็กล่าวในการแถลงข่าวหลังประชุมเอฟโอเอ็มซีโดยย้ำว่า ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการเติบโตต่อไปในระดับพอประมาณ แต่ยังถูกเหนี่ยวรั้งด้วยอัตราว่างงานสูง ซึ่งทำให้ศักยภาพของมนุษย์ตลอดจนเศรษฐกิจต้องสูญเปล่าไปอย่างมหาศาล