เอเจนซี/เดอะสตรีท - ราคาน้ำมันดิ่งแรงวานนี้ (20) หลังมีข่าวอิสราเอลกับฮามาส เจรจาโดยมีอียิปต์เป็นคนกลาง ยุติการสู้รบในฉนวนกาซา คลายข้อวิตกอุปทานตึงตัว ทว่าความกังวลของประธานเฟดเกี่ยวกับผลกระทบวิกฤต “หน้าผาการคลัง” ต่อเศรษฐกิจอเมริกา ฉุดให้วอลล์สตรีททรงตัว และทองคำปิดลบแรง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2.35 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.87 ดอลลาร์ ปิดที่ 109.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เหตุความขัดแย้งในฉนวนกาซา เป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมันตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าวานนี้ (20) ตลาดผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย หลังเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของฮามาส อ้างว่าบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับอิสราเอลแล้วและคาดหมายว่าน่าจะมีผลบังคับใช้เร็วๆ นี้ แม้ทางยิวออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวก็ตาม
ปัจจัยดังกล่าวได้สร้างความผ่อนคลายแก่นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว วอลล์สตรีทก็ปิดในกรอบแคบๆ หลังถูกฉุดโดยความเห็นของเบน เบอร์นันกี ประธานธาคารกลางอเมริกาเกี่ยวกับแนวโน้มผลกระทบของวิกฤตหน้าผาการคลังต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 5.83 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,790.13 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 0.83 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,916.90 จุด เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 1.01 จุด (0.07 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,387.90 จุด
เบอร์นันกี เมื่อวันอังคาร(20) กล่าวเตือนเข้มข้นขึ้นต่อเค้ารางวิกฤตหน้าผาการคลัง โดยระบุว่าการตัดรายจ่ายและขึ้นภาษีโดยอัตโนมัติในช่วงสิ้นปี คือภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกา
คำเตือนของเบอร์นันกีต่อความขัดแย้งด้านการตัดลบงบประมาณในสภาคองเกรสนี้ ก็ฉุดให้ราคาทองคำวานนี้ (20) ดิ่งลงอย่างแรงเช่นกัน โดยราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 10.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,723.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์