ประชาชนหลายประเทศในยุโรปจำนวนเรือนล้าน พากันเข้าร่วมการประท้วงในวันพุธ(14) จนกลายเป็นการต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่วิกฤตหนี้ยูโรโซนเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยการชุมนุมเดินขบวนครั้งนี้ในหลายๆ แห่งยังลุกลามกลายเป็นความรุนแรง มิหนำซ้ำหลังจากนั้นเพียงวันเดียวนั่นคือในวันพฤหัสบดี(15) ก็มีข่าวร้ายล่าสุดออกมาว่าเศรษฐกิจยูโรโซนเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งถือเป็นการถดถอยครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี
การเดินขบวนในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันพุธ (14) จบลงด้วยความรุนแรงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับจากวิกฤตหนี้ยุโรปเริ่มต้น โดยตำรวจปะทะกับผู้ประท้วงที่ขว้างปาก้อนหินและขวดน้ำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน
ที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน ผู้ประท้วงเผาถังขยะทำให้ควันคละคลุ้งบนท้องถนนสายหลัก ส่วนที่เมืองบาร์เซโลนา เมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งของแดนกระทิงดุ ผู้ประท้วงก็เผารถตำรวจ ทำให้ตำรวจปราบจลาจลต้องใช้ปืนบรรจุกระสุนยางยิงขับไล่สลายการชุมนุมในทั้งสองเมือง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 70 คน พร้อมกับจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไป 155 คน โดย 2 คนในจำนวนนี้มีวัตถุทำระเบิดอยู่ในครอบครอง
กระทรวงมหาดไทยสเปนแถลงว่า การชุมนุมประท้วงคราวนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 819,600 คน แต่สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าเป็นการประมาณการที่น่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นอย่างมาก โดยยกตัวอย่างว่าการชุมนุมในย่านกลางกรุงมาริดที่มีผู้เข้าร่วมอย่างหนาแน่นนั้น เอล ปาอิส หนังสือพิมพ์ชั้นนำคำนวณว่ามีจำนวน 175,000 คน โดยพิจารณาจากภาพถ่ายและการประมาณการความหนาแน่นของฝูงชนอย่างละเอียด ทว่าทางการรัฐบาลกลางกลับระบุว่าผู้ชุมนุมที่นั่นมีจำนวนเพียง 35,000 คน
การประท้วงนัดหยุดงานและปิดร้านค้าครั้งใหญ่ในสเปนคราวนี้ ซึ่งพวกสหภาพแรงงานระบุว่ามีคนงานเข้าร่วมหลายล้านคน ทำให้ต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินนับร้อยๆ โรงเรียนหยุด และรถไฟสามารถเปิดให้บริการได้เพียงบางสาย
ขณะที่การสไตรก์ในเบลเยียม ก็ส่งผลต่อบริการรถไฟระหว่างประเทศ
ในกรีซและฝรั่งเศส บรรดาพนักงานเข้าร่วมขบวนต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดที่สร้างภาระหนักต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานด้วยเช่นกัน ทว่า สหภาพแรงงงานของกรีซที่กังวลกับวิกฤตของประเทศ จำกัดการหยุดงานเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี มีการปะทะดุเดือดระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับผู้ประท้วง และมีผู้ถูกจับกุม 60 คน นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาและแรงงานนับหมื่นๆ รวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองใหญ่อย่างมิลาน และ ตูริน ตลอดจนในอีกราว 100 เมืองทั่วแดนมักกะโรนี
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วการประท้วงในยุโรปเมื่อวันพุธส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แม้ผู้คนนับล้านๆ ต่างไม่พอใจอัตราว่างงานสูงลิบ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และมาตรการรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวดของทางการ
การเดินขบวนในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เมื่อวันพุธ (14) จบลงด้วยความรุนแรงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับจากวิกฤตหนี้ยุโรปเริ่มต้น โดยตำรวจปะทะกับผู้ประท้วงที่ขว้างปาก้อนหินและขวดน้ำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน
ที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน ผู้ประท้วงเผาถังขยะทำให้ควันคละคลุ้งบนท้องถนนสายหลัก ส่วนที่เมืองบาร์เซโลนา เมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งของแดนกระทิงดุ ผู้ประท้วงก็เผารถตำรวจ ทำให้ตำรวจปราบจลาจลต้องใช้ปืนบรรจุกระสุนยางยิงขับไล่สลายการชุมนุมในทั้งสองเมือง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 70 คน พร้อมกับจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไป 155 คน โดย 2 คนในจำนวนนี้มีวัตถุทำระเบิดอยู่ในครอบครอง
กระทรวงมหาดไทยสเปนแถลงว่า การชุมนุมประท้วงคราวนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 819,600 คน แต่สำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่าเป็นการประมาณการที่น่าจะต่ำกว่าความเป็นจริงเป็นอย่างมาก โดยยกตัวอย่างว่าการชุมนุมในย่านกลางกรุงมาริดที่มีผู้เข้าร่วมอย่างหนาแน่นนั้น เอล ปาอิส หนังสือพิมพ์ชั้นนำคำนวณว่ามีจำนวน 175,000 คน โดยพิจารณาจากภาพถ่ายและการประมาณการความหนาแน่นของฝูงชนอย่างละเอียด ทว่าทางการรัฐบาลกลางกลับระบุว่าผู้ชุมนุมที่นั่นมีจำนวนเพียง 35,000 คน
การประท้วงนัดหยุดงานและปิดร้านค้าครั้งใหญ่ในสเปนคราวนี้ ซึ่งพวกสหภาพแรงงานระบุว่ามีคนงานเข้าร่วมหลายล้านคน ทำให้ต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินนับร้อยๆ โรงเรียนหยุด และรถไฟสามารถเปิดให้บริการได้เพียงบางสาย
ขณะที่การสไตรก์ในเบลเยียม ก็ส่งผลต่อบริการรถไฟระหว่างประเทศ
ในกรีซและฝรั่งเศส บรรดาพนักงานเข้าร่วมขบวนต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดที่สร้างภาระหนักต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานด้วยเช่นกัน ทว่า สหภาพแรงงงานของกรีซที่กังวลกับวิกฤตของประเทศ จำกัดการหยุดงานเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี มีการปะทะดุเดือดระหว่างตำรวจปราบจลาจลกับผู้ประท้วง และมีผู้ถูกจับกุม 60 คน นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาและแรงงานนับหมื่นๆ รวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองใหญ่อย่างมิลาน และ ตูริน ตลอดจนในอีกราว 100 เมืองทั่วแดนมักกะโรนี
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วการประท้วงในยุโรปเมื่อวันพุธส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แม้ผู้คนนับล้านๆ ต่างไม่พอใจอัตราว่างงานสูงลิบ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และมาตรการรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวดของทางการ