เอเอฟพี - ผู้ประท้วงรอต้อนรับนางแองเกลา แมร์เคิล ด้วยอารมณ์เดือดดาล ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมนีรายนี้เดินทางถึงโปรตุเกสเมื่อวันจันทร์(12) หลังต้องทุกข์ทรมานจากมาตรการรัดเข็มขัดตามเงื่อนไขกู้ยืมเงิน
กำลังตำรวจจำนวนมาก ปิดกั้นถนนบางสายและตั้งด่านคอยสกัดผู้ประท้วงที่ส่งเสียงตะโกนโห่ใส่นางแมร์เคิล พร้อมทั้งกล่าวหาผู้นำหญิงรายนี้ว่าพยายามปกครองยุโรปด้วยการเรียกร้องให้ชาติต่างๆดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดเพื่อซ่อมแซมสถานะทางการคลัง
ระหว่างทางที่เธอเดินทางไปยังทำเนียบประธานาธิบดีโปรตุเกส นางแมร์เคิล ได้รับการต้อนรับด้วยป้ายข้อความประท้วงต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็น "เธอต้องการฆ่าคนโปรตุเกส เธออยากมีอำนาจสูงสุดในยุโรป โปรตุเกสไม่ใช่ประเทศของแมร์เคิล รวมไปถึงอังเกลา แมร์เคิล ผู้ลอบสังหาร"
นอกจากนี้แล้วผู้ชุมนุมยังพากันปล่อยลูกโป่งสีดำเป็นสัญลักษณ์ของการไว้อาลัย หลังจากก่อนหน้าพวกเขานำป้ายผ้าสีดำไปติดตามอนุสาวรีย์ต่างๆหลายแห่งในลิสบอน เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการมาเยือนของนางแมร์เคิล
ก่อนหน้าการเดินทางเยือนลิสบอนครั้งนี้ ผู้นำเยอรมนียืนกรานว่าไม่จำเป็นต้องมีการเจรจาใหม่เกี่ยวกับเงื่อนไขกู้ยืมของโปรตุเกส เนื่องจากเธอมองว่าข้อกำหนดเหล่านั้นก็ผ่อนปรนมากอยู่แล้วและเชื่อว่า โปรตุเกส ไม่จำเป็นตัองขอรับความช่วยเหลือเงินกู้ก้อนที่สอง
"ฉันคิดว่าคนจำนวนมากจะส่งเสียงถึงความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญจากมาตรการรัดเข็มขัด" นางแมร์เคิล ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของโปรตุเกส "แน่นอนว่าโปรแกรมรัดเข็มขัดจุดชนวนการถกเถียงครั้งใหญ่ แต่รัฐบาลโปรตุเกส ก็แสดงความกล้าหาญสำหรับบังคับใช้มาตรการนี้ ฉันมีความเคารพต่อสิ่งที่ประเทศนี้กำลังดำเนินการ และจนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นเหตุผลสำหรับเปิดโต๊ะเจรจาใหม่ เพราะโปรตุเกสเองก็เคารพพันธสัญญาของพวกเขาอย่างกล้าหาญ"
ในการเดินทางเยือนครั้งนี้ ทางแมร์เคิล มีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีอานิบอล คาวาโค ซิลวา จากนั้นก็จะหารือกับนายกรัฐมนตรีเปดรู ปาซูช กูเอลยู เป็นลำดับต่อไป
อนึ่งการเดินทางเยือนโปรตุเกส ของแมร์เคิบ มีขึ้นพร้อมๆกับที่ คณะกรรมาธิการยุโรป ธนาคารกลางยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เริ่มต้นทบทวนรายไตรมาสเกี่ยวกับความคืบหน้าของลิสบอน สำหรับการดำเนินการตามเงื่อนไขกู้ยืมเงิน 78,000 ล้านยูโร
โดยการประชุมที่ใช้เวลา 1 สัปดาห์นี้ จะร่วมกันตัดสินใจว่าจะปล่อยเงินกู้งวดต่อไปแก่โปรตุเกสจำนวน 2,500 ล้านยูโร ตามที่ตกลงกันไว้ในเดือนพฤษภาคมหรือไม่ ขณะที่สมาชิกรัฐบาลลิสบอนรายหนึ่งแย้มว่าทุกอย่างน่าจะผ่านไปด้วยดี