นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการรองรับเหตุฉุกเฉิน (EOC) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเป็นศูนย์เชื่อมโยงการทำงานจากรัฐบาลสู่การปฏิบัติระดับพื้นที่
ขณะเดียวกัน ประสาน 30 จังหวัดเสี่ยงภัย ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เน้นย้ำแผนเผชิญเหตุ โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง วางระบบสื่อสารหลัก และระบบสื่อสารสำรอง ให้สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา และหากสถานการณ์มีระดับความรุนแรง และยกระดับเป็นระดับ 3-4 นายกรัฐมนตรีจะมาบัญชาการเหตุการณ์ด้วยตนเอง เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน
ส่วนกรณีที่พายุแกมี มีแนวโน้มเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนตัว โดยอาจส่งผลให้พื้นที่ 6 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระยอง และชลบุรี มีฝนตกหนัก และหากเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ จ.เพชรบุรี ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จึงขอให้จังหวัดดังกล่าวเพิ่มความเข้มข้นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในระดับที่รุนแรงมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ประสาน 30 จังหวัดเสี่ยงภัย ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เน้นย้ำแผนเผชิญเหตุ โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง วางระบบสื่อสารหลัก และระบบสื่อสารสำรอง ให้สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา และหากสถานการณ์มีระดับความรุนแรง และยกระดับเป็นระดับ 3-4 นายกรัฐมนตรีจะมาบัญชาการเหตุการณ์ด้วยตนเอง เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน
ส่วนกรณีที่พายุแกมี มีแนวโน้มเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนตัว โดยอาจส่งผลให้พื้นที่ 6 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด ระยอง และชลบุรี มีฝนตกหนัก และหากเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ จ.เพชรบุรี ราชบุรี และประจวบคีรีขันธ์ จึงขอให้จังหวัดดังกล่าวเพิ่มความเข้มข้นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ในระดับที่รุนแรงมากขึ้น
