อุตุฯ เตือนแกมีเข้าไทยพรุ่งนี้ ปภ.-กรมชลฯ พร้อมรับมือ กทม.เร่งระบายน้ำลงคลอง

แถลงที่ประชุม กบอ. รองอธิบดีอุตุฯ คาด 30 จว.ภาค ตอ.-อีสาน-กลาง มีฝนลมแรงจากพายุแกมีที่เข้าไทย 5 ต.ค. ถึง 8 ต.ค. อธิบดี ปภ.พร้อมจับตาสถานการณ์ 24 ชม.ตามนโยบาย รบ. และประสานทั้งท้องถิ่น รวมไปถึงส่วนราชการ ส่วนอธิบดีชลฯ เผยเขื่อนเหนือ-อีสานรับน้ำได้ แต่ ตอ.ต้องพร่องน้ำออก แจงสูบน้ำออกจากแม่น้ำ ตอ.-ตต. รอรับมือพายุ ด้านรองผู้ว่าฯ กทม.มั่นแผนระบายน้ำทั้งฝั่ง ตอ.-ตต. พร้อมประกาศจุดให้เลี่ยงเดินทาง

วันนี้ (4 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการแถลงการณ์หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ขณะนี้พายุโซนร้อนแกมีได้พัฒนาความรุนแรงขึ้น จากเมื่อวานนี้มีความเร็วรอบศูนย์กลาง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้เพิ่มความรุนแรงเป็น 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีการเคลื่อนที่มาทางด้านทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าพายุโซนร้อนแกมีจะเคลื่อนขึ้นฝั่งเข้าสู่ประเทศเวียดนามในวันที่ 6 ต.ค.นี้ หลังจากนั้นจะเคลื่อนที่ผ่านทางประเทศกัมพูชา และลาว และจะเคลื่อนที่เข้าสู่ประเทศไทยทางด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต่อด้วยภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างในวันที่ 7-8 ต.ค. หลังจากนั้นจะเคลื่อนตัวออกจากประเทศไทยเข้าสู่อ่าวมะตะบัน ประเทศพม่า โดยผลกระทบจากพายุนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.นี้เป็นต้นไป บางพื้นที่ใน 30 จังหวัดภาคตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และจะมีลมแรงที่เกิดจากพายุฝนทำให้เกิดลมพัดแรงอีกด้วย ส่วนทางภาคใต้ในฝั่งตะวันตก อันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นลมแรง คลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีส่วนที่คอยช่วยเหลือพี่น้องประชาชน 3 เรื่อง เรื่องแรก คือ การนำนโยบายของนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะผู้นำรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ส่วนที่สอง เรื่องของการเป็นผู้ปฏิบัติของพื้นที่ในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน และส่วนที่สาม เป็นการปฏิบัติร่วมกันระหว่างกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ รวมไปถึงข้าราชการและพลเรือน สำหรับเรื่องของนโยบาย นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าในระดับจังหวัดและอำเภอ ซึ่งได้ปฏิบัติงานดูแลพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อสร้างความมั่นใจและดูแลประชาชน และได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมโดยใช้แผนเผชิญเหตุตามพระราชบัญญัติบรรเทาสาธารณภัยปี พ.ศ. 2550 เตรียมความพร้อมในเรื่องสรรพกำลังต่างๆ ไว้เรียบร้อย รวมไปถึงเรื่องการเร่งฟื้นฟูโครงสร้างต่างๆ และดูแลสภาพร่างกายจิตใจของพี่น้องประชาชน

ส่วนนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวต่อว่า ทางกรมชลประทานรับผิดชอบในเรื่องของเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ซึ่งอ่างเก็บน้ำทางภาคเหนือยังมีพื้นที่ที่สามารถรองรับน้ำได้ไม่จำเป็นที่ต้องระบายน้ำเพิ่มเติมแต่อย่างใด ในส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนืออ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำเพียง 40% ของความจุอ่างซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อยู่ มีแต่ในส่วนอ่างเก็บน้ำในภาคตะวันออกเท่านั้นที่จำเป็นต้องพร่องน้ำออกบ้าง ซึ่งได้แจ้งทางคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) แล้วว่าจะมีการระบายน้ำเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ในส่วนของแม่น้ำสายหลักยังสามารถรองรับน้ำ แม่น้ำเจ้าพระยายังมีพื้นที่ว่างที่สามารถรองรับน้ำจากภาคเหนือได้ ในส่วนพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกและตะวันตกซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำที่มีพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญอยู่ โดยทางชลกรมประทานได้ดำเนินการพร่องน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับร่องลมมรสุมในแต่ละครั้ง เช่นเดียวกันก็ได้เตรียมตัวรับมือพายุแกมีแล้ว โดยได้ดำเนินการสูบน้ำออกทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก โดยฝั่งตะวันออกได้สูบน้ำออกทางแม่น้ำบางปะกง แม่น้ำเจ้าพระยา และอ่าวไทย ส่วนในฝั่งตะวันตกได้สูบน้ำออกทางแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา และอ่าวไทย โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ กทม.อยู่จำนวนมาก ในส่วนนี้สามารถช่วยทาง กทม.เร่งน้ำออกทางแม่น้ำบางปะกงและอ่าวไทย ทั้งนี้ พยายามพร่องน้ำให้เต็มตามศักยภาพของแม่น้ำ ลำคลอง รวมถึงสถานีสูบน้ำและเรื่องสูบน้ำ

ด้าน นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต่อในส่วนของ กทม.ว่า พื้นที่ในเขตของ กทม.เป็นพื้นที่ที่ใหญ่ ในส่วนของพื้นที่ฝั่งตะวันออกได้มีแผนการอยู่ 3-4 ประการ ถ้าหากมีปริมาณน้ำฝนที่มากอยู่แล้วจะมีการเร่งระบายน้ำและเพิ่มศักยภาพในการสูบน้ำและผลักดันน้ำในคลองที่สำคัญเพื่อที่เร่งระบายน้ำออกในส่วนของคลองประเวศน์บุรีรมย์ คลองบางโฉลง คลองหัวตะเข้ คลองด่าน คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต คลองแสนแสบ คลอง 13 คลองหกวาสายล่าง ทั้งนี้ ได้ดำเนินการดูแลระดับน้ำ โดยจะช่วยในการระบายน้ำใน กทม.ฝั่งของตะวันออกเข้ามาทางคลองแสนแสบ คลองลำตะคริว คลองประเวศน์บุรีรมย์ โดยเป็นการช่วยซึ่งกันและกัน

อย่างไรก็ตาม จะมีการประสานในส่วนของกองบังคับการตำรวจจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งให้ประชาชนทราบในจุดเสี่ยงและมีน้ำรอการระบายบนพื้นผิวถนนจราจรเพื่อให้ประชาชนได้หลีกเลี่ยงในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อ บช.น. และ บก.จร.ได้ทราบแล้ว ด้านของ กทม. โดยผู้ว่าฯ กทม. ได้เตรียมคนในพื้นที่ของเขตทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดในเขตใดก็ตาม เจ้าหน้าที่เทศกิจ หน่วยเบสต์ ฯลฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานระบายน้ำ ให้เข้าช่วยเหลือประชาชนพร้อมเร่งแก้ไขในพื้นที่ดังกล่าวในกรณีที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งสำหรับสำนักงานระบายน้ำพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำและปฏิบัติในทุกพื้นที่ดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม จะได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงจุดดังกล่าวจะได้ไม่ประสบปัญหาในการเดินทาง