หลังจากคณะกรรมการสรรหาคัดเลือก พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แทนนายเมธี ครองแก้ว อดีตกรรมการ ป.ป.ช.ที่พ้นจากตำแหน่ง เพราะอายุครบ 70 ปี ที่ประชุมวุฒิสภาวันนี้ มีวาระตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ 22 คนขึ้นมา ตรวจสอบความประพฤติ พฤติกรรม จริยธรรม ผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช.โดยมีกรอบเวลาในการพิจารณา 15 วัน ซึ่งหากวุฒิสภาคัดเลือกให้ พล.ต.อ.สถาพร ได้รับเลือกเป็น ป.ป.ช.จะถือเป็น ป.ป.ช. จะถือเป็น ป.ป.ช.ที่เป็นตำรวจคนเดียวใน 9 คน ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ขณะที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ระบุว่า พล.ต.อ.สถาพร มีประเด็นทางกฎหมายที่ต้องพิจารณาคือ มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 246 วรรค 2 หรือไม่ โดยมาตราดังกล่าวบัญญัติว่า กรรมการ ป.ป.ช.ต้องเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดี หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางบริหารในหน่วยราชการ ที่มีอำนาจบริหารเทียบเท่าอธิบดี แต่สำหรับตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายของ พล.ต.อ.สถาพร อาจไม่เทียบเท่ากับตำแหน่งดังกล่าว โดยประเด็นนี้กรรมาธิการของวุฒิสภาต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ขณะที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ระบุว่า พล.ต.อ.สถาพร มีประเด็นทางกฎหมายที่ต้องพิจารณาคือ มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 246 วรรค 2 หรือไม่ โดยมาตราดังกล่าวบัญญัติว่า กรรมการ ป.ป.ช.ต้องเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดี หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางบริหารในหน่วยราชการ ที่มีอำนาจบริหารเทียบเท่าอธิบดี แต่สำหรับตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายของ พล.ต.อ.สถาพร อาจไม่เทียบเท่ากับตำแหน่งดังกล่าว โดยประเด็นนี้กรรมาธิการของวุฒิสภาต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา