มติที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วานนี้ ที่ให้มีการเลื่อนสรุปสำนวนข้อกล่าวหาในคดีทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 จำนวน 26 เครื่อง เนื่องจากพบว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างแพงกว่าปกติ จากเครื่องละ 1,400 ล้านบาท เป็น 2,600 ล้านบาท หลังพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 7 คน และต้องแปลเอกสารเป็นภาษาไทย
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ซึ่งรับผิดชอบคดีซีทีเอ็กซ์ ระบุว่า คดีนี้ คตส.เพียงพิจารณาว่าราคาเครื่องสูงเกินจริงประมาณ 1,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเครื่องที่ใช้ในต่างประเทศ ก็น่าจะเพียงพอที่จะชี้ชัดว่าโครงการนี้ไม่โปร่งใส สามารถสั่งฟ้องได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าเงินส่วนต่างจะไปตกอยู่กับใคร
ขณะที่นายเมธี ครองแก้ว อดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นผู้นำหลักฐานเอกสารจากทางการสหรัฐฯ มอบให้กับกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา ระบุว่า การเลื่อนพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ออกไปเป็นสัปดาห์หน้า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะข้อมูลบางอย่างในเอกสาร กรรมการ ป.ป.ช.ไม่เคยรับทราบมาก่อน และการพิจารณาหลักฐานใหม่นี้จะทำให้กรรมการมีความมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าจะสรุปสำนวนไปในแนวทางใดก็ตาม ส่วนตัดสินใจส่งฟ้องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ป.ป.ช.แต่ละคน
สำหรับกฎหมายที่นำมาใช้ในคดีนี้ หากพิจารณาเฉพาะการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ปี 2542 หรือกฎหมายฮั้ว ก็มีน้ำหนักต่อคดีมากพอสมควร
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.ยืนยันว่า จะลงมติคดีนี้ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ แน่นอน ซึ่งจะมีบทสรุป 2 แนวทาง คือ กรรมการ ป.ป.ช.ส่งฟ้องเอง หรือยกคำร้อง ทั้งนี้ จะพิจารณาประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่ทุจริตประพฤติมิชอบ และเกิดความเสียหายหรือไม่ อย่างไร
แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.ยอมรับว่า กรรมการที่พิจารณาคดีนี้มีความเห็นแตกต่างกันว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ โดยบางส่วนเชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่สามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้แล้ว
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ซึ่งรับผิดชอบคดีซีทีเอ็กซ์ ระบุว่า คดีนี้ คตส.เพียงพิจารณาว่าราคาเครื่องสูงเกินจริงประมาณ 1,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเครื่องที่ใช้ในต่างประเทศ ก็น่าจะเพียงพอที่จะชี้ชัดว่าโครงการนี้ไม่โปร่งใส สามารถสั่งฟ้องได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าเงินส่วนต่างจะไปตกอยู่กับใคร
ขณะที่นายเมธี ครองแก้ว อดีตคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นผู้นำหลักฐานเอกสารจากทางการสหรัฐฯ มอบให้กับกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา ระบุว่า การเลื่อนพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ออกไปเป็นสัปดาห์หน้า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะข้อมูลบางอย่างในเอกสาร กรรมการ ป.ป.ช.ไม่เคยรับทราบมาก่อน และการพิจารณาหลักฐานใหม่นี้จะทำให้กรรมการมีความมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าจะสรุปสำนวนไปในแนวทางใดก็ตาม ส่วนตัดสินใจส่งฟ้องหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ป.ป.ช.แต่ละคน
สำหรับกฎหมายที่นำมาใช้ในคดีนี้ หากพิจารณาเฉพาะการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ปี 2542 หรือกฎหมายฮั้ว ก็มีน้ำหนักต่อคดีมากพอสมควร
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช.ยืนยันว่า จะลงมติคดีนี้ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ แน่นอน ซึ่งจะมีบทสรุป 2 แนวทาง คือ กรรมการ ป.ป.ช.ส่งฟ้องเอง หรือยกคำร้อง ทั้งนี้ จะพิจารณาประเด็นที่มีเจ้าหน้าที่ทุจริตประพฤติมิชอบ และเกิดความเสียหายหรือไม่ อย่างไร
แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.ยอมรับว่า กรรมการที่พิจารณาคดีนี้มีความเห็นแตกต่างกันว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ โดยบางส่วนเชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่สามารถเอาผิดผู้เกี่ยวข้องได้แล้ว