นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงอนาคตยางพาราไทยภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี (AEC) ว่า ไทยมีพื้นที่การปลูกยางมากถึง 18.7 ล้านไร่ เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอินโดนีเซียที่ปลูก 21.9 ล้านไร่
ขณะที่ผลผลิตรวมปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.57 ล้านตัน โดยผู้นำเข้าหลักจากไทย คือ จีน ยุโรป และสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อราคายางพาราในตลาดโลกตกต่ำ มาจากวิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สหรัฐฯ จีน และอินเดีย ซึ่งส่งผลต่อความต้องการยางพารา
ทั้งนี้ นายอัทธ์ เชื่อว่าใน 4-5 ปีต่อจากนี้ ราคายางพาราของไทยและตลาดโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 77-90 บาทต่อกิโลกรัม และโอกาสที่จะขยับไปถึง 120 บาทต่อกิโลกรัม เหมือนปีที่ผ่านมา ก็เป็นไปได้ยาก จึงเสนอรัฐบาลเร่งหาแนวทางที่จะส่งเสริมให้มีการจัดการแก้ปัญหาอุตสาหกรรมยางพาราตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยต้องสร้างความเข้าใจให้กับชาวสวนยางรับถึงความเสี่ยงเรื่องของราคา พร้อมกับดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราทั้งหมด เพื่อยกระดับราคาไม่ให้ต่ำลง
ขณะที่ผลผลิตรวมปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.57 ล้านตัน โดยผู้นำเข้าหลักจากไทย คือ จีน ยุโรป และสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อราคายางพาราในตลาดโลกตกต่ำ มาจากวิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป สหรัฐฯ จีน และอินเดีย ซึ่งส่งผลต่อความต้องการยางพารา
ทั้งนี้ นายอัทธ์ เชื่อว่าใน 4-5 ปีต่อจากนี้ ราคายางพาราของไทยและตลาดโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 77-90 บาทต่อกิโลกรัม และโอกาสที่จะขยับไปถึง 120 บาทต่อกิโลกรัม เหมือนปีที่ผ่านมา ก็เป็นไปได้ยาก จึงเสนอรัฐบาลเร่งหาแนวทางที่จะส่งเสริมให้มีการจัดการแก้ปัญหาอุตสาหกรรมยางพาราตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยต้องสร้างความเข้าใจให้กับชาวสวนยางรับถึงความเสี่ยงเรื่องของราคา พร้อมกับดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราทั้งหมด เพื่อยกระดับราคาไม่ให้ต่ำลง
