เขื่อนวชิราลงกรณ์พร่องน้ำเพิ่ม-"เขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์"ยังปลอดภัย

นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กฟผ. เปิดเผยว่า ระยะนี้เขื่อนที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด คือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ในภาคตะวันตก เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องใน จ.กาญจนบุรี และ จ.ตาก ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม เป็นต้นมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนในปริมาณมาก ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม ถึงปัจจุบัน ยังคงมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน วันละ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ปริมาณน้ำในอ่าง จากก่อนหน้ามีเพียงร้อยละ 55 ของความจุ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 75 ของความจุ ทำให้เขื่อนวชิราลงกรณ์ ต้องเพิ่มการระบายน้ำในปริมาณที่ไม่กระทบสภาพน้ำท้ายเขื่อน ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม เป็นต้นมา
ปัจจุบันระบายน้ำ ประมาณวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามมติ คณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ และคณะอนุกรรมการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์น้ำและจัดสรรน้ำ โดยจะปรับลดตามความสามารถที่ท้ายน้ำรับได้ ซึ่ง กฟผ.และกรมชลประทาน จะประสานงานอย่างใกล้ชิด
ปัจจุบันเขื่อนวชิราลงกรณ์ เหลือพื้นที่รองรับน้ำได้อีก 2,175 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงต้องติดตามเพื่อปรับแผนการระบายน้ำให้ใกล้ชิดกว่าเขื่อนอื่นๆ
สำหรับอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ วางแผนพร่องน้ำเพื่อเตรียมการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย มาตั้งแต่ต้นปี ทำให้มีช่องว่างสามารถรับน้ำได้อย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ปริมาณฝนภาคเหนือว่า หากไม่มีพายุพัดผ่าน จะมีปริมาณฝนใกล้เคียงค่าเฉลี่ยหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ดังนั้นไม่น่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ มากเหมือนปีที่แล้ว