นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า หรือกองทุนเอฟทีเอ กระทรวงพาณิชย์ ได้อนุมัติความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทย เพื่อลดผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าในอาเซียน จากที่มีการคาดการณ์ว่าจะมียาสมุนไพรจากจีน อาหารเสริมสมุนไพรจากยุโรป ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำตลาดอยู่แล้ว เข้ามาทางสิงคโปร์ และเข้าสู่อาเซียนได้สะดวก จนอาจส่งผลกระทบต่อยาสมุนไพรของไทย
ทั้งนี้ กองทุนเอฟทีเอ จะเข้าไปผลักดันให้มีการพัฒนาตำรับยาครีมไพลสกัด ที่มีการศึกษาประสิทธิผลทางคลินิก และตำรับยาสมุนไพรในบัญชียาหลัก ปี 2554 จำนวน 8 ตำรับ ได้แก่ ตำรับยาเบญจกุล ตำรับยาไฟประลัยกัลป์ ยาตรีผลา ยาสหัสธารา ยาประสะจันทร์แดง และยาริดสีดวงมหากาฬ ยาธาตุบรรจบ และยาประสะไพล
ขณะเดียวกัน ยังเร่งผลักดันให้ภาคเอกชนและภาครัฐที่อยู่ในอุตสาหกรรมผลิตยาสมุนไพร และผู้ผลิตยาสมุนไพรในโรงพยาบาล มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งด้านการผลิตและควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร โดยผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิต เพื่อให้ยาสมุนไพรที่ได้ มีคุณภาพและมาตรฐานตามที่กำหนด เพื่อลดการนำเข้ายานอก
นอกจากนี้ ยังผลักดันให้โรงพยาบาล และประชาชน รู้จัก และส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรค และปกป้องตลาดยาภายในประเทศ
ทั้งนี้ กองทุนเอฟทีเอ จะเข้าไปผลักดันให้มีการพัฒนาตำรับยาครีมไพลสกัด ที่มีการศึกษาประสิทธิผลทางคลินิก และตำรับยาสมุนไพรในบัญชียาหลัก ปี 2554 จำนวน 8 ตำรับ ได้แก่ ตำรับยาเบญจกุล ตำรับยาไฟประลัยกัลป์ ยาตรีผลา ยาสหัสธารา ยาประสะจันทร์แดง และยาริดสีดวงมหากาฬ ยาธาตุบรรจบ และยาประสะไพล
ขณะเดียวกัน ยังเร่งผลักดันให้ภาคเอกชนและภาครัฐที่อยู่ในอุตสาหกรรมผลิตยาสมุนไพร และผู้ผลิตยาสมุนไพรในโรงพยาบาล มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งด้านการผลิตและควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร โดยผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิต เพื่อให้ยาสมุนไพรที่ได้ มีคุณภาพและมาตรฐานตามที่กำหนด เพื่อลดการนำเข้ายานอก
นอกจากนี้ ยังผลักดันให้โรงพยาบาล และประชาชน รู้จัก และส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนการใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรค และปกป้องตลาดยาภายในประเทศ