นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมฝูงบินปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งเป็นฝูงบินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เดินทางมาจากฐานปฏิบัติการ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อปฏิบัติการทำฝนหลวงแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อนาข้าวในเขตลุ่มน้ำปากพนัง พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า ภาพรวมหลังจากที่ได้เริ่มปฏิบัติการทำฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา ถือว่าทำได้ตามเป้าหมาย มีปริมาณฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ของจังหวัด แต่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดไปอีก 5-6 วัน
อย่างไรก็ตาม หากภายใน 15 วัน ยังไม่มีปริมาณฝนตกหนักลงมาติดต่อกัน อาจทำให้ข้าวนาปรังเกือบ 3 แสนไร่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังเสียหาย โดยขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งอยู่ 5 อำเภอ และมีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้วประมาณ 30,000 ไร่ ส่วนแผนเบื้องต้นซึ่งดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้บูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ช่วยเหลือด้วยการสูบน้ำเข้าสู่ที่นา พร้อมทั้งเร่งระบายน้ำลงคลองส่งน้ำชลประทาน แต่พื้นที่นาข้าวที่อยู่ไกล ยังคงต้องการน้ำ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ทุกภาคส่วนในจังหวัดได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประชาชน
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า นอกจากการปฏิบัติการทำฝนหลวงจะส่งผลให้เกิดฝนตกในพื้นที่ โดยตั้งเป้าให้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้เกิดความชื้นในพื้นที่ป่าพรุ บริเวณลุ่มน้ำปากพนัง เป็นการป้องกันไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยแล้งอีกด้วย โดยฝูงบินปฏิบัติการฝนหลวงในครั้งนี้ ได้ใช้เครื่องบินจำนวน 4 ลำ ขึ้นบินในช่วงเช้าและบ่ายอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม หากภายใน 15 วัน ยังไม่มีปริมาณฝนตกหนักลงมาติดต่อกัน อาจทำให้ข้าวนาปรังเกือบ 3 แสนไร่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังเสียหาย โดยขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งอยู่ 5 อำเภอ และมีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้วประมาณ 30,000 ไร่ ส่วนแผนเบื้องต้นซึ่งดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้บูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ช่วยเหลือด้วยการสูบน้ำเข้าสู่ที่นา พร้อมทั้งเร่งระบายน้ำลงคลองส่งน้ำชลประทาน แต่พื้นที่นาข้าวที่อยู่ไกล ยังคงต้องการน้ำ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ทุกภาคส่วนในจังหวัดได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประชาชน
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวด้วยว่า นอกจากการปฏิบัติการทำฝนหลวงจะส่งผลให้เกิดฝนตกในพื้นที่ โดยตั้งเป้าให้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้เกิดความชื้นในพื้นที่ป่าพรุ บริเวณลุ่มน้ำปากพนัง เป็นการป้องกันไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยแล้งอีกด้วย โดยฝูงบินปฏิบัติการฝนหลวงในครั้งนี้ ได้ใช้เครื่องบินจำนวน 4 ลำ ขึ้นบินในช่วงเช้าและบ่ายอย่างต่อเนื่อง