นครศรีธรรมราช - ชาวนาลุ่มน้ำปากพนังวิกฤติ ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช เร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบนาข้าวเผยเสียหายประมาณ 10,000 ไร่ ขณะที่จังหวัดประกาศ 4 อำเภอเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง
เขตนาข้าวในลุ่มน้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย อ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ อ.ปากพนัง และ อ.เฉลิมพระเกียรติ หลายจุดโดยเฉพาะใกล้กับแหล่งน้ำที่แห้งขอดเนื้อที่รวมกว่า 10,000 ไร่ กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก สืบเนื่องจากฝนทิ้งช่วงน้ำในลำคลองแห้งขอด นาข้าวในหลายช่วงอายุกำลังประสบกับภาวะขาดน้ำแห้งตายไปเป็นจำนวนมาก ดินแตกระแหง ชาวนายังต้องพยายามช่วยเหลือตนเองด้วยการลงขันกันสูบน้ำในแหล่งน้ำที่ยังเหลืออยู่อย่างยากลำบาก
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนี้ได้ประกาศพื้นที่ภัยแล้งแล้ว 4 อำเภอ จาก 23 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ประกอบด้วย อ.ปากพนัง อ.หัวไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.ชะอวด หลังจากได้รับรายงานพื้นที่การเกษตรทั้ง 4 อำเภอ ประสบภาวะภัยแล้ง โดยเฉพาะนาข้าวของเกษตรกร (ข้าวนาปรัง) จาก 200,000 ไร่ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับความเสียหายแล้วประมาณ 10,000 ไร่
เบื้องต้นได้ใช้งบฉุกเฉินอำเภอละ 1 ล้านบาทเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมประสานขอฝนหลวง แต่อาจจะมีอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะต้องมีความชื่นไม่ต่ำกว่า 40% หากมีความชื่นเมื่อไหร่ฝนหลวงจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ทันที นอกจากนี้ให้ทุกอำเภอสำรวจทำกระสอบทรายกั้นน้ำ, ซ่อมแซมภาชนะ บ่อบาดาล น้ำอุปโภค บริโภค แก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อื่นๆ
“สำหรับปริมาณน้ำในเขตลุ่มน้ำปากพนัง ถือว่าต่ำกว่าปกติ เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่ประตูอุทกวิภาชประสิทธิ์ น้ำจืดต่ำกว่าน้ำทะเล ประมาณ 1 เมตร และน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส มีน้อยประมาณ 50 % ของปริมาณกักเก็บ ฉะนั้นทำให้เกิดผลกระทบในพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 4 อำเภอ ขณะที่อำเภอเชียรใหญ่ได้รับผลกระทบด้วย เบื้องต้นให้ทางอำเภอเร่งสำรวจความเสียหายแจ้งจังหวัดแล้ว เพื่อประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง ส่วนการเยียวยา จากเดิมให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน นาข้าวเสียหายไร่ละ 600 บาท รัฐบาลได้ปรับขึ้นเป็นไร่ละ 2,000 กว่าบาท จะชดเชยตามจำนวนที่เสียหายจริง” ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราชกล่าว
เขตนาข้าวในลุ่มน้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย อ.หัวไทร อ.เชียรใหญ่ อ.ปากพนัง และ อ.เฉลิมพระเกียรติ หลายจุดโดยเฉพาะใกล้กับแหล่งน้ำที่แห้งขอดเนื้อที่รวมกว่า 10,000 ไร่ กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก สืบเนื่องจากฝนทิ้งช่วงน้ำในลำคลองแห้งขอด นาข้าวในหลายช่วงอายุกำลังประสบกับภาวะขาดน้ำแห้งตายไปเป็นจำนวนมาก ดินแตกระแหง ชาวนายังต้องพยายามช่วยเหลือตนเองด้วยการลงขันกันสูบน้ำในแหล่งน้ำที่ยังเหลืออยู่อย่างยากลำบาก
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนี้ได้ประกาศพื้นที่ภัยแล้งแล้ว 4 อำเภอ จาก 23 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ประกอบด้วย อ.ปากพนัง อ.หัวไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.ชะอวด หลังจากได้รับรายงานพื้นที่การเกษตรทั้ง 4 อำเภอ ประสบภาวะภัยแล้ง โดยเฉพาะนาข้าวของเกษตรกร (ข้าวนาปรัง) จาก 200,000 ไร่ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับความเสียหายแล้วประมาณ 10,000 ไร่
เบื้องต้นได้ใช้งบฉุกเฉินอำเภอละ 1 ล้านบาทเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมประสานขอฝนหลวง แต่อาจจะมีอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะต้องมีความชื่นไม่ต่ำกว่า 40% หากมีความชื่นเมื่อไหร่ฝนหลวงจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ทันที นอกจากนี้ให้ทุกอำเภอสำรวจทำกระสอบทรายกั้นน้ำ, ซ่อมแซมภาชนะ บ่อบาดาล น้ำอุปโภค บริโภค แก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อื่นๆ
“สำหรับปริมาณน้ำในเขตลุ่มน้ำปากพนัง ถือว่าต่ำกว่าปกติ เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่ประตูอุทกวิภาชประสิทธิ์ น้ำจืดต่ำกว่าน้ำทะเล ประมาณ 1 เมตร และน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส มีน้อยประมาณ 50 % ของปริมาณกักเก็บ ฉะนั้นทำให้เกิดผลกระทบในพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 4 อำเภอ ขณะที่อำเภอเชียรใหญ่ได้รับผลกระทบด้วย เบื้องต้นให้ทางอำเภอเร่งสำรวจความเสียหายแจ้งจังหวัดแล้ว เพื่อประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง ส่วนการเยียวยา จากเดิมให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน นาข้าวเสียหายไร่ละ 600 บาท รัฐบาลได้ปรับขึ้นเป็นไร่ละ 2,000 กว่าบาท จะชดเชยตามจำนวนที่เสียหายจริง” ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราชกล่าว