พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวภายหลังเดินทางไปประชุมกลุ่มความร่วมมือเพื่อต่อต้านการฟอกเงินเอเชียแปซิฟิค (APG) ที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินการของไทยในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อการก่อการร้ายใน 3 ประเด็นหลัก คือ การผลักดันกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่มีหลักสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจาณาของสภาผู้แทนราษฎร การประกาศใช้กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 สิงหาคม และการปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังของสำนักงาน ปปง. ที่จะต้องมีหน่วยข่าวกรองและสืบสวนทางการเงิน สำนักความร่วมมือระหว่างประเทศ และหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงิน โดยเลขาธิการ ปปง. ได้เสนอขอกำลังไว้ 145 คน
ทั้งนี้ จากการชี้แจงความคืบหน้าใน 3 ประเด็น ยังไม่สามารถแสดงให้คณะทำงาน APG เชื่อมั่นได้ จึงยังจัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านการฟอกเงินจนกว่าจะดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งเชื่อว่าการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ไทยอาจได้รับการยกระดับให้ดีขึ้น เพราะกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้แล้ว
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวถึงผลการยึดและอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนักค้ายาเสพติดภาย หลังมีคณะกรรมการธุรกรรม ว่า สามารถยึดทรัพย์ได้รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 110 ล้านบาท ล่าสุดสามารถยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 2 กลุ่ม คือ เครือข่ายนักค้ายาเสพติดในเรือนจำคลองเปรม มูลค่า 30 ล้านบาท และเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในภาคใต้ 3 ราย มูลค่า 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการชี้แจงความคืบหน้าใน 3 ประเด็น ยังไม่สามารถแสดงให้คณะทำงาน APG เชื่อมั่นได้ จึงยังจัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านการฟอกเงินจนกว่าจะดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งเชื่อว่าการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ไทยอาจได้รับการยกระดับให้ดีขึ้น เพราะกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้แล้ว
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวถึงผลการยึดและอายัดทรัพย์สินเครือข่ายนักค้ายาเสพติดภาย หลังมีคณะกรรมการธุรกรรม ว่า สามารถยึดทรัพย์ได้รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 110 ล้านบาท ล่าสุดสามารถยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 2 กลุ่ม คือ เครือข่ายนักค้ายาเสพติดในเรือนจำคลองเปรม มูลค่า 30 ล้านบาท และเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในภาคใต้ 3 ราย มูลค่า 30 ล้านบาท
