น.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การทำศัลยกรรมความงามแล้วไม่พอใจผลการทำศัลยกรรม สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของวัยรุ่น และคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน ที่ให้คุณค่ากับเรื่องรูปร่างหน้าตา สะท้อนค่านิยมของสังคมในภาพรวม เช่น การลดความอ้วน การจัดฟัน การผ่าตัด หรือ การฉีดเพื่อความสวยงาม โดยพบว่า ส่วนหนึ่งอาจมีปัญหาสุขภาพจิต กลุ่มแรกคือกลุ่มที่วิตกกังวลเกินเหตุ กลุ่มที่สองคือ คิดว่ารูปร่างหน้าตาตัวเองบกพร่องตลอดเวลา ซึ่งจะพยายามทำศัลยกรรมครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่พอใจในสิ่งที่ทำ และกลุ่มสุดท้าย คือ มีภาวะซึมเศร้า ทำให้มองตัวเองติดลบ ซึ่งมองไปถึงความไม่พอใจรูปร่างหน้าตา
น.พ.สุรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากจะให้คุณค่ากับรูปร่างหน้าตา พ่อแม่ เพื่อน วัยรุ่น โรงเรียน แพทย์ ตลอดจนสื่อมวลชน ควรมีการส่งเสริมความสามารถ หรือเน้นคุณค่าทางบวกที่จะทดแทน และมีคุณค่าเหนือกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตา รวมทั้ง พึงระวังว่า ความไม่พอใจรูปร่างหน้าตา นอกจากเป็นเรื่องค่านิยมแล้ว อาจมีปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ตามมาได้ โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุ หรือเป็นผลจากการทำศัลยกรรมตกแต่งก็ได้ ดังนั้น หากมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ เมื่อสภาวะจิตใจดีขึ้นแล้วอาจต้องทำจิตบำบัดให้เขาเห็นคุณค่าของตัวเองให้มากขึ้น
นอกจากนี้ น.พ.สุรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า บทบาทของวิชาชีพ โดยเฉพาะแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกร ที่เกี่ยวข้องกับการรักษารูปร่างหน้าตา โดยจะต้องมีจรรยาแห่งวิชาชีพในการให้บริการ คำนึงว่าผู้รับบริการมีปัญหาสุขภาพจิตหรือไม่ โดยการพูดคุยสังเกตเบื้องต้น และส่งต่อจิตแพทย์เมื่อพบปัญหา มากกว่าคำนึงถึงแต่การป้องกันการฟ้องร้อง พร้อมย้ำว่า ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนค่านิยมที่เน้นความสวยงามมากกว่าความรู้ความสามารถ หรือการทำความดี ช่วยเหลือสังคม ซึ่งต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก การศัลยกรรม หากทำแล้วไม่เป็นที่พอใจหรือดูแย่กว่าที่เป็นอยู่ยิ่งทำให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งครอบครัว เพื่อน หรือผู้ใกล้ชิดต้องคอยสังเกตและเตือน ตลอดจนให้กำลังใจ และปลอบประโลมจิตใจเป็นอย่างมาก เพราะอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้า และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายได้ในที่สุด จึงต้องคำนึงถึงผลดีผลเสียที่เกิดขึ้นให้มากด้วย
น.พ.สุรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากจะให้คุณค่ากับรูปร่างหน้าตา พ่อแม่ เพื่อน วัยรุ่น โรงเรียน แพทย์ ตลอดจนสื่อมวลชน ควรมีการส่งเสริมความสามารถ หรือเน้นคุณค่าทางบวกที่จะทดแทน และมีคุณค่าเหนือกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตา รวมทั้ง พึงระวังว่า ความไม่พอใจรูปร่างหน้าตา นอกจากเป็นเรื่องค่านิยมแล้ว อาจมีปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ตามมาได้ โดยเฉพาะภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุ หรือเป็นผลจากการทำศัลยกรรมตกแต่งก็ได้ ดังนั้น หากมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ เมื่อสภาวะจิตใจดีขึ้นแล้วอาจต้องทำจิตบำบัดให้เขาเห็นคุณค่าของตัวเองให้มากขึ้น
นอกจากนี้ น.พ.สุรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า บทบาทของวิชาชีพ โดยเฉพาะแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกร ที่เกี่ยวข้องกับการรักษารูปร่างหน้าตา โดยจะต้องมีจรรยาแห่งวิชาชีพในการให้บริการ คำนึงว่าผู้รับบริการมีปัญหาสุขภาพจิตหรือไม่ โดยการพูดคุยสังเกตเบื้องต้น และส่งต่อจิตแพทย์เมื่อพบปัญหา มากกว่าคำนึงถึงแต่การป้องกันการฟ้องร้อง พร้อมย้ำว่า ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนค่านิยมที่เน้นความสวยงามมากกว่าความรู้ความสามารถ หรือการทำความดี ช่วยเหลือสังคม ซึ่งต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็ก การศัลยกรรม หากทำแล้วไม่เป็นที่พอใจหรือดูแย่กว่าที่เป็นอยู่ยิ่งทำให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งครอบครัว เพื่อน หรือผู้ใกล้ชิดต้องคอยสังเกตและเตือน ตลอดจนให้กำลังใจ และปลอบประโลมจิตใจเป็นอย่างมาก เพราะอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้า และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายได้ในที่สุด จึงต้องคำนึงถึงผลดีผลเสียที่เกิดขึ้นให้มากด้วย