นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังการเข้าพบของ นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ว่าได้หารือเกี่ยวกับโครงการที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ นาซา ขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อศึกษาเกี่ยวกับการก่อตัวของเมฆ โดยเรื่องดังกล่าวอาจเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นกำหนดเวลาที่นาซาต้องการทราบคำตอบจากไทย ว่าจะให้ใช้สนามบินอู่ตะเภาได้หรือไม่
นายสุรพงษ์ให้ความเห็นว่า อาจนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อความโปร่งใส และจะไม่ถูกครหาว่านำไปแลกกับการขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
รศ.เสริม จันทร์ฉาย อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ กล่าวระหว่างการเสวนาในหัวข้อ นาซาจะมาทำอะไรที่อู่ตะเภา ว่าโครงการวิจัยศึกษาองค์ประกอบเมฆและภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการศึกษษ และปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ และซับซ้อนมากที่สุดของนาซา จำเป็นต้องประสานงานหลายฝ่าย ทั้งจากดาวเทียมหลายดวง บอลลูนสำรวจอากาศ เครื่องบินวิจัย สถานที่ปฏิบัติการภาคพื้นดินและมหาสมุทร ดังนั้นสนามบินอู่ตะเภาจึงเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานภาคพื้นดิน เนื่องจากมีรันเวย์ยาว ไม่มีการบินมารบกวน และสามารถรองรับนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้
นอกจากนี้ยังเห็นว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวิจัย ศึกษาเกี่ยวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน และช่วยพยากรณือากาศในอนาคตได้ว่าน้ำจะท่วม หรือแห้งแล้งมากน้อยเพียงใด
ในวงเสวนายังเห็นว่า หากรัฐบาลไม่ยอมให้นาซาทำการวิจัย จะทำให้ไทยเสียผลประโยชน์ และเสียโอกาสในการทำงานวิจัยร่วมกับประเทศในอาเซียน เช่น กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ที่อนุมัติโครงการไปแล้ว ส่วนข้อกังวลเรื่องการจารกรรมข้อมูลความมั่นคง มองว่าเป็นเรื่องล้าสมัย
วันพรุ่งนี้ ตัวแทนจะเข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง ก่อนนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี
นายสุรพงษ์ให้ความเห็นว่า อาจนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อความโปร่งใส และจะไม่ถูกครหาว่านำไปแลกกับการขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
รศ.เสริม จันทร์ฉาย อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ กล่าวระหว่างการเสวนาในหัวข้อ นาซาจะมาทำอะไรที่อู่ตะเภา ว่าโครงการวิจัยศึกษาองค์ประกอบเมฆและภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการศึกษษ และปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ และซับซ้อนมากที่สุดของนาซา จำเป็นต้องประสานงานหลายฝ่าย ทั้งจากดาวเทียมหลายดวง บอลลูนสำรวจอากาศ เครื่องบินวิจัย สถานที่ปฏิบัติการภาคพื้นดินและมหาสมุทร ดังนั้นสนามบินอู่ตะเภาจึงเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติงานภาคพื้นดิน เนื่องจากมีรันเวย์ยาว ไม่มีการบินมารบกวน และสามารถรองรับนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้
นอกจากนี้ยังเห็นว่า โครงการนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวิจัย ศึกษาเกี่ยวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน และช่วยพยากรณือากาศในอนาคตได้ว่าน้ำจะท่วม หรือแห้งแล้งมากน้อยเพียงใด
ในวงเสวนายังเห็นว่า หากรัฐบาลไม่ยอมให้นาซาทำการวิจัย จะทำให้ไทยเสียผลประโยชน์ และเสียโอกาสในการทำงานวิจัยร่วมกับประเทศในอาเซียน เช่น กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ที่อนุมัติโครงการไปแล้ว ส่วนข้อกังวลเรื่องการจารกรรมข้อมูลความมั่นคง มองว่าเป็นเรื่องล้าสมัย
วันพรุ่งนี้ ตัวแทนจะเข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง ก่อนนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี
