เพจ “สายตรงภาคสนาม” พบ “นาซา” กางแผนใช้อู่ตะเภาสำรวจก้อนเมฆในไทย ลามไปถึง ต.ค. เกินที่ทางรัฐบาลอ้างว่าใช้พื้นที่ถึงแค่เดือน ก.ย.พบพื้นที่สำรวจกินพื้นที่ตอนใต้ของจีน อ้างเครื่องบินที่ใช้สำรวจมีอุปกรณ์สำหรับจารกรรม
วันนี้ (21 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน้าเพจ “สายตรงภาคสนาม” ในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ได้นำเสนอรายละเอียดการเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการสำรวจก้อนเมฆในประเทศไทยขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา โดยอ้างอิงว่านำมาจากเว็บไซต์ของนาซา ซึ่งระบุถึงการเริ่มเข้ามาดำเนินงานในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 55 และสิ้นสุดการทำงานในวันที่ 1 ต.ค. ขัดแย้งกับข้อมูลที่รัฐบาลให้สังคมว่า ยังไม่มีข้อตกลงที่จะอนุญาตให้นาซาเข้ามาใช้ประโยชน์จากสนามบินอู่ตะเภา นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า เครื่องบินที่นาซานำเข้ามาสำรวจก้อนเมฆนั้นมีอุปกรณ์สำหรับการจารกรรม รวมทั้งพื้นที่การสำรวจนั้น นาซาระบุชัดว่ากินวงกว้างถึงจีนตอนใต้ด้วย
ทั้งนี้ เพจสายตรงภาคสนามได้ตรวจสอบเว็บไซต์ของนาซาเกี่ยวกับปฏิบัติการขอใช้สนามบินอู่ตะเภาสำรวจก้อนเมฆ พบว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลการครอบคลุมพื้นที่สำรวจกินวงกว้างถึงตอนใต้ของประเทศจีน และเครื่องบินรุ่นที่นาซานำมาใช้ในการสำรวจ 3 ลำ มีรุ่น ER 2 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีอุปกรณ์สำหรับการจารกรรมข้อมูลได้ด้วย นอกจากนี้ เครื่องบินรุ่นดังกล่าวยังเป็นรุ่นที่มีนักบินนั่งได้คนเดียวไม่มีผู้โดยสาร การกล่าวอ้างของรัฐบาลว่าจะมีนักวิทยาศาสตร์ขึ้นไปสำรวจด้วยจึงเป็นไปไม่ได้
นอกจากนี้ยังพบว่าในปฏิทินการทำงานของนาซามีการระบุการทำงานในประเทศไทยไว้อย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่การขนอุปกรณ์ในวันที่ 18 พ.ค. 2555 และสิ้นสุดการทำงานในวันที่ 1 ต.ค. 2555 ซึ่งไม่ตรงกับที่รัฐบาลให้ข้อมูลแก่คนไทย ทั้งนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการทำข้อตกลง ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติจาก ครม.ก่อน แต่หากพิจารณาตามแผนปฏิบัติงานของนาซา เท่ากับว่าเริ่มขนอุปกรณ์เข้ามาในประเทศไทยแล้วตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ยังให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า นาซาจะเข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทยเพียงแค่สองเดือน คือ ส.ค. ถึง ก.ย. 2555 แต่จากปฏิทินการทำงานของนาซาก็มีความชัดเจนว่าใช้เวลายาวนานกว่านั้นคือเริ่มเดือน พ.ค. ถึงต้นเดือน ต.ค.เท่ากับใช้เวลาอย่างน้อย 4 เดือน และหากทุกอย่างเป็นไปตามปฏิทินการทำงานของนาซา ย่อมหมายถึงว่าในขณะนี้ก็น่าจะมีการขนอุปกรณ์บางส่วนมาไว้ที่สนามบินอู่ตะเภาเพื่อเริ่มตั้งฐานปฏิบัติการที่อ้างว่าจะเป็นการสำรวจก้อนเมฆแล้ว