นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่าย และผลกระทบด้านธุรกิจและสังคมไทยในช่วงฟุตบอลยูโร 2012 ว่า จะมีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงฟุตบอลยูโรปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 หรือมีเงินสะพัดประมาณ 64,928.3 ล้านบาท หากเปรียบเทียบกับช่วงฟุตบอลโลก 2010 ภาพรวมการใช้จ่ายอยู่ที่ 59,672.7 ล้านบาท และหากเปรียบเทียบกับช่วงฟุตบอลยูโรในปี 2008 คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.5 คิดเป็นเงินสะพัด 54,908.9 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ สามารถจำแนกได้เป็นค่าใช้จ่ายด้านการพนันฟุตบอลกว่า 41,710.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 63.6 เมื่อเทียบกับช่วงฟุตบอลโลก 2010 โดยเฉลี่ยจะใช้จ่ายในการเล่นพนัน ประมาณ 8,138.8 บาทต่อคนต่อนัด
ขณะที่ผลสำรวจทางสังคมและเศรษฐกิจ ในช่วงฟุตบอลยูโร 2012 จะก่อให้เกิดการพนันผิดกฏหมายมากขึ้น ร้อยละ 75.7 และก่อให้เกิดหนี้สินมากขึ้นร้อยละ 72.6 รวมทั้งเกิดปัญหาอาชญากรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 69.4
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับช่วงฟุตบอลโลก 2010 ภาพรวมการใช้จ่ายอยู่ที่ 59,672.7 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงฟุตบอลยูโรในปี 2008 คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.5 คิดเป็นเงินสะพัด 54,908.9 ล้านบาท แต่แม้ยอดการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่ในปีนี้ การจับจ่ายยังไม่คึกคักมากนัก และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว จากภาวะค่าครองชีพสูง
ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ สามารถจำแนกได้เป็นค่าใช้จ่ายด้านการพนันฟุตบอลกว่า 41,710.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 63.6 เมื่อเทียบกับช่วงฟุตบอลโลก 2010 โดยเฉลี่ยจะใช้จ่ายในการเล่นพนัน ประมาณ 8,138.8 บาทต่อคนต่อนัด
ขณะที่ผลสำรวจทางสังคมและเศรษฐกิจ ในช่วงฟุตบอลยูโร 2012 จะก่อให้เกิดการพนันผิดกฏหมายมากขึ้น ร้อยละ 75.7 และก่อให้เกิดหนี้สินมากขึ้นร้อยละ 72.6 รวมทั้งเกิดปัญหาอาชญากรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 69.4
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับช่วงฟุตบอลโลก 2010 ภาพรวมการใช้จ่ายอยู่ที่ 59,672.7 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงฟุตบอลยูโรในปี 2008 คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.5 คิดเป็นเงินสะพัด 54,908.9 ล้านบาท แต่แม้ยอดการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่ในปีนี้ การจับจ่ายยังไม่คึกคักมากนัก และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว จากภาวะค่าครองชีพสูง