นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยถึงยอดจ่ายสินไหมให้แก่ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศ เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ว่า จากการรวบรวมข้อมูลล่าสุด มียอดผู้เอาประกันภัยคิดเป็นวงเงิน 486,000 ล้านบาท จ่ายสินไหมไปแล้ว ประมาณร้อยละ 40 และพยายามเร่งรัดการจ่ายสินไหมให้ครบ ร้อยละ 75 ของ 486,000 ล้านบาท ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ นายประเวช กล่าวด้วยว่า จากนี้ไปทาง คปภ.จะเร่งเดินหน้าประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนในพื้นที่ที่เคยรับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมให้รับทราบถึงความสำคัญของการมีกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ โดยมีเป้าหมายลงพื้นที่ที่สำคัญ 11 พื้นที่ โดยพื้นที่แรกที่เริ่มก่อน คือ พระนครศรีอยุธยา เป็นจุดแรก และ ปทุมธานี เป็นจุดต่อไป เนื่องจาก 2 พื้นที่ดังกล่าว มีอัตราเบี้ยประกันภัยอยู่ในอัตราที่สูงกว่าที่กองทุนประกันภัยพิบัติกำหนด คือ ภาคครัวเรือนคิดเบี้ยประกันร้อยละ 0.5 ต่อปี วงเงินคุ้มครองไม่เกิน 1 แสนบาท หรือ ปีละ 500 บาท ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เบี้ยร้อยละ 1 ทุนประกันไม่เกิน 50 ล้านบาท และภาคอุตสาหกรรม เบี้ยร้อยละ 1.25 จำกัดความรับผิดชอบไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนประกัน เนื่องจากบริษัทประกันภัยและประชาชนยังไม่มั่นใจในแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ดังนั้นหากแผนจัดการน้ำของรัฐชัดเจนตามงบประมาณที่จะใช้ 3.5 แสนล้าน จะช่วยให้เบี้ยประกันลดต่ำลงอีกได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ล่าสุดมีผู้ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ นายประเวช กล่าวด้วยว่า จากนี้ไปทาง คปภ.จะเร่งเดินหน้าประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนในพื้นที่ที่เคยรับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมให้รับทราบถึงความสำคัญของการมีกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ โดยมีเป้าหมายลงพื้นที่ที่สำคัญ 11 พื้นที่ โดยพื้นที่แรกที่เริ่มก่อน คือ พระนครศรีอยุธยา เป็นจุดแรก และ ปทุมธานี เป็นจุดต่อไป เนื่องจาก 2 พื้นที่ดังกล่าว มีอัตราเบี้ยประกันภัยอยู่ในอัตราที่สูงกว่าที่กองทุนประกันภัยพิบัติกำหนด คือ ภาคครัวเรือนคิดเบี้ยประกันร้อยละ 0.5 ต่อปี วงเงินคุ้มครองไม่เกิน 1 แสนบาท หรือ ปีละ 500 บาท ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เบี้ยร้อยละ 1 ทุนประกันไม่เกิน 50 ล้านบาท และภาคอุตสาหกรรม เบี้ยร้อยละ 1.25 จำกัดความรับผิดชอบไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนประกัน เนื่องจากบริษัทประกันภัยและประชาชนยังไม่มั่นใจในแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ดังนั้นหากแผนจัดการน้ำของรัฐชัดเจนตามงบประมาณที่จะใช้ 3.5 แสนล้าน จะช่วยให้เบี้ยประกันลดต่ำลงอีกได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ล่าสุดมีผู้ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
